ไปดูมาแล้วทั้งแบบธรรมดาและ 3D… จขบ.ว่าแบบ 3D ลื่นตากว่า สวยกว่าอย่างเห็นได้ชัดเหมือนกันนะ รวมๆแล้วสนุกสนานบันเทิงดี เชียร์ให้ทุกคนได้ดู แต่ว่าถ้าจะให้ติแบบเวิ่น ๆ ก็มีพอสมควรล่ะ
SPOILERS! นะคะ ใครไม่อยากถูก spoil ก็ปิดไปเสียเถิด (อีกทั้งยังพาดพิง spoil เบา ๆ ไปถึงไตรภาค The Lord of the Rings ด้วย) /พาดพิงหนังสือด้วยหน่อยหนึ่ง
.
.
.
.
.
.
The Hobbit: The Desolation of Smaug
2013, กำกับโดย Peter Jackson
Thranduil [to Thorin]: Do not talk to me about the dragon’s fire, I know its wrath and the sufferings it causes. I warned your grandfather about what his greed would bring. He did not listen to me. You’re the same.
– จขบ.กะอยู่แล้วประมาณหนึ่งว่าภาค 2 คงเต็มไปด้วยบู๊แหลกลาญซะมาก ซึ่งก็เป็นแบบนั้น แล้วมันก็สนุกมากเลยนะ เสียแต่ให้ความรู้สึกกระจุยกระจาย ช่วงหลังๆยืดเยื้อประมาณหนึ่ง โดยรวมแล้วด้านเอฟเฟ็คและฉากมันให้ความรู้สึกดูมืด ๆ ขึ้นกว่าภาคที่แล้ว แต่ทางด้านความรู้สึกก็ไม่ได้ดาร์กอะไร
– ดูภาคนี้ให้ความรู้สึกว่าจริง ๆ The Hobbit แบ่งเป็นสองภาคแทนคงจะดีกว่า จำได้ว่าลุง PJ ตัดสินใจแบ่ง The Hobbit ออกเป็นสามภาคแทนสองภาค แล้วภาคนี้มันให้อารมณ์เหมือนตัดสินใจเติมบทช่วงท้ายเพื่อสร้าง climax ให้ภาคสองมากเลยแต่เกลาบทช่วงท้ายมาไม่ดีเท่าช่วงแรก เพราะหลายฉากในครึ่งหลังมันให้ความรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย แต่ก็โอเค๊ ดูแล้วก็ยังรักนะตัวเอง พอจะเก็ทว่าภาคระหว่างกลางคงทำยาก เพราะเป็นภาคที่อยู่ระหว่างจุดเริ่มต้นและบทสรุปพอดี
– ชอบบทของบีออร์นมากกก คิด ๆ ดูแล้วก็ชอบบทในตอนแรกตั้งแต่ที่บิลโบโผล่จนกระทั่งออกจากบ้านบีออร์นทั้งหมด ดูแล้วรู้สึกตื่นตาตื่นใจเป็นการส่วนตัว ที่บ้านบีออร์นก็รู้สึกว่าเป็นบรรยากาศที่ดีให้เหล่าคนแคระให้พักผ่อนหย่อนใจ ระคนถูกเตือนและสั่งสอนเบา ๆ /ประทับใจ
– PJ เขาถ่ายทำเก่งดีค่ะ ฉากที่ให้จะมึนก็ดูมึน จะเหม็นก็ดูเหมือนจะเหม็น ถึงรสถึงเนื้อดี… ชอบ cinematography มาก ดูเป็น 3D แล้วสวย ดูแบบธรรมดามุมกล้องก็ไม่รู้สึกขัดนะ
– ชอบเพลงประกอบมาก เพลงที่จขบ.รักเป็นพิเศษคือตอนที่บิลโบโผล่หัวจากต้นไม้ในเมิร์กวู้ด เพลงตอนเข้ามาถึงเมืองทะเลสาบ กับเพลงตอนเปิดประตูเอเรบอร์ได้ XD
– ฉากที่จขบ.ชอบที่สุดใน DoS คือตอนที่บิลโบลืมตัวฆ่าปูยักษ์ (หรืออะไรสักอย่างที่คล้าย ๆ…) ชอบที่มันโผล่มาแล้วไม่ได้ดูดุร้ายแบบแมงมุมอื่น โทนสีก็อ่อน ๆ อารมณ์ตอนแตะโดนแหวนก็ด้วยความไม่รู้ด้วยซ้ำ เจ้าปูก็ไม่ได้โจมตีอะไรบิลโบก่อน แต่บิลโบพุ่งไปเฉาะจนมันตายแล้วเก็บแหวนคืนมา ประทับใจสุด ๆ YvY,,
– วังวู้ดแลนด์ ณ เมิร์กวู้ดมันคล้ายลอธลอริเอนเกินไปอ่ะ รู้สึกผิดหวังกับดีไซน์ มองแล้วอะไร ๆ ให้ความรู้สึกปลอมไปหมด ต้นไม้ไม่ให้ความรู้สึกเป็นต้นไม้เท่าไร (ซึ่งกลับไปดูลอธลอริเอนใน LOTR ตอนนี้… มันก็ดูไม่ปลอมขนาดเมิร์กวู้ดในฮอบบิท DoS นะ /ทรุด) นอกจากนั้นยังจิ้นวังวู้ดแลนด์ไว้ว่ามันต้องเห็นดินเห็นใบไม้มากกว่านี้เยอะเลย
– ประทับใจเลโกลัสที่สุดคือฉากแรกที่โผล่มา แล้วค้นเจอรูปกิมลี กับอีกฉากหนึ่งที่ต่อสู้โดยเหยียบหัวคนแคระไปเรื่อย ๆ อ่ะเอิ๊กกกก แต่ฉากอื่น ๆ ที่อยู่กับท่านพ่อ กับแม่นางเทาริเอล(ในซับเขาแปลว่าธอเรียล)นี่เฉย ๆ หมดแฮะ คาดว่าเขาอาจจะอยากนำเสนอเลโกลัสที่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น moody นิด ๆ คล้ายจะอยากแสดงให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลจากท่านพ่อ(รึเปล่า) แต่เราว่ามันก็ห่างจากคาแร็คเตอร์ของเลโกลัสใน The Fellowship of the Ring เกินไปหน่อย YvY คือถ้าบิวด์ฮีมาขนาดนี้ในภาคสอง ภาคสามน่าจะมีบทสรุปบางอย่างที่ทำให้เลโกลัสเปลี่ยนไปบ้างมั้ง
– ป๋าธรันดูอิลโดนใจเราแฮะ ยิ่งดูอีกรอบก็ยิ่งโดนใจ แม้จริง ๆ จะนึกภาพฮีไว้นิ่งและขรึมกว่านี้ แต่นางเหวี่ยง ๆ สะบัด ๆ แบบนี้ก็สะท้านใจดี
– ชอบฉากที่ป๋าธรันคุยกับธอรินทั้งหมดนะ ยกเว้นไว้แค่ตอนที่แสดงใบหน้าเละ ๆ ให้ดู (จขบ.ว่าจุดนั้นมันทำให้รู้สึกกวนใจระหว่างบทสนทนามากเกินไป แถมไม่ปลื้มที่ PJ ทำเหมือนเอลฟ์มีเวทมนตร์นู่นนี่นั่นด้วยแหละ ซึ่งมันตัดพลังความขลังที่ว่าพวกเอลฟ์แค่มีวิชาความรู้เยอะด้วยสติปัญญาและอายุไขอันยาวนาน) แต่ยังไงก็ตาม มีธอรินติเตียนป๋าธรัน แล้วป๋าธรันติเตียนธอรินและปู่ของธอรินกลับ กรี๊ดกร๊าดเป็นการส่วนตัว
– ชอบพวกฉากสู้ตอนออกจากเมิร์ดวู้ด ได้เห็นคนแคระหลายหน้าได้ครบครัน เห็นความสามัคคี เห็นความดิบแบบฮา ๆ ดี ครบเครื่อง 5555+
– แม่นางเทาริเอลนี่ไม่ได้คาดหวังอะไรจากนางเลย ผลปรากฎว่าเราโอเคกับนางนะ รู้สึกว่าให้ความรู้สึกว่าเป็นเอลฟ์จากเมิร์กวู้ดแต่ก็มีมุมมอง contrast กับเมิร์กวู้ดดี นางก็เท่ห์ดี ไม่ได้ประทับใจฉากแรกที่นางพบกับคิลีเป็นพิเศษ รู้สึกว่ามัน cliche ดาษดื่นและไร้บรรยากาศเกินไป แต่กลับชอบฉากที่นางคุยกับคิลีในคุก เพราะรู้สึกว่าเพิ่มบรรยากาศที่เป็นส่วนตัวให้กับหนังได้ดี แต่พอมาถึงตอนที่นางพบอะธีลาสและช่วยคิลีก็ชักจะเยอะไปจนไม่ได้ช่วยให้ DoS สมบูรณ์ในฐานะหนังแล้ว จริง ๆ จบแค่ตรงในคุกแล้วสื่อความรักมาแบบเนียน ๆ ไม่ต้องถึงขั้นให้คิลีบาดเจ็บก็ได้ (PJ เหมือนพยายามป้อนทุกอย่างให้คนดูเลยอ่ะ ทั้งที่หลายเรื่องถ้าสื่อแบบบาง ๆ มากกว่านี้คงจะเวิร์คกว่าเยอะ) จขบ.ไม่อิน แต่ดันฮากับฉากแม่นางเทาริเอลเปล่งแสง ฟีลมันไม่ใช่ 555555+
– โดยรวมแล้วกับเนื้อเรื่องรักสามเส้านี้แค่มีความรู้สึกแบบถึงบางอ้อว่าที่ให้คิลีหล่อเพราะเหตุนี้เองสินะ กร๊าก
– PJ แลจะชอบทำ parallel scenes เช่นนำเสนอสองฉากที่มีลักษณะเหตุการณ์คล้ายกัน แต่จุดเปลี่ยนต่างกัน หรืออะไรแบบนั้น แล้วพอมาถึง DoS ยิ่งเห็นชัดว่าเขาพยายามโยงให้ The Hobbit เป็นหนังซีรีส์ชิ้นเดียวกับ LOTR มาก เพราะมี parallel scenes ที่โยงไปได้หมด ซึ่งจขบ.ว่าฉากแบบนี้มันดูลื่นในภาคหนึ่ง แต่ภาคสองดันให้ความรู้สึกว่ามันกระจุยกระจายแฮะ ทั้งบทพูดและเนื้อเรื่องที่เสริมมานี่มีมากเกินความจำเป็นจนทำให้ดูแบน ๆ ไปซะแทน แต่ parallel scenes ที่จะรู้สึกคุ้นและคิดว่าดีก็ตอนที่บาร์ดร่วมมือกับลูก ดูสะท้อนอารมณ์คล้ายตอนที่แกนดัล์ฟใช้งานให้ปิ๊บปิ้นจุดไฟตอนอยู่มินาสทิริธ(มั้งเนอะ) น่ารักดี
– ชอบฉากเปิดตัวของบาร์ดที่ยิงธนูแม่น ๆ แล้วหัวธนูมันดูคล้ายธนูดำด้วยแฮะ XD ❤ แล้วก็ประทับใจเมืองทะเลสาบมากถึงมากที่สุด ชอบทั้งหมดเลย ดีไซน์เมือง ฯลฯ (มารู้จากคุณเพื่อนไมโลทีหลังว่าลูกวอลนัทที่คิลีนอนหนุนตอนป่วยเนี่ย คือตามปกติที่คนจนเขาใช้เป็นหมอนในสมัยก่อน /รู้สึกดีใจที่ได้เห็น walnut pillow…) บาร์ดก็รัก มาสเตอร์เลคทาวน์ก็ชอบ (จขบ.เป็นแฟนเกิร์ล Stephen Fry ที่แสดงเป็นมาสเตอร์เลคทาวน์ด้วย เลยอิ๊งอ๊าง เสียงและน้ำเสียงคุณฟรายตอนพูดบทมาสเตอร์เลคทาวน์นี่มันเหม๊าะเหมาะ TvT )
– ชอบมุกตลกนะ หลายตอนคิดว่ามันเป็นมุกตลกซื่อ ๆ ทีน่ารักมาก
– รักคุณพ่อมดราดากัสต์ โมเอ้
– ตอนไปดูรอบแรก ทำไมจขบ.ดูเหมือนจะเป็นคนเดียวที่หลุดหัวเราะตอนเห็นธนูแขวนผักของบาร์ด… คือมันน่ารักมากค่ะ รัก 555555555+
– จขบ.ผิดหวังกับตัวละครของธอรินภาคนี้แฮะ รู้สึกว่าเขาเน้นด้านมืดในจิตใจของธอรินไม่พอ ความยึดติดของธอรินที่มีต่ออาร์เคนสโตนน่าจะชัดเจนนี้ เข้าใจอารมณ์ที่เอื้อบทของธอรินให้ดูเท่ตามประสาผู้นำและว่าที่กษัตริย์ แต่จขบ.ว่าจุดอ่อนในตัวธอรินที่ควรจะเน้นก็ดันไม่ได้เห็นมากนัก
– นอกจากจะเห็นด้านมืดไม่พอแล้วลูกเล่นยังไม่โดนใจอีก OTL ไอเดียมังกรชุบทองนี่อยากให้ตัดไปมาก ถ้าจะมาซะแบบนี้ตัดจบซะตั้งแต่ตอนเปิดประตูเอเรบอร์ได้แล้วไปอัดแต่เนื้อ ๆ ในภาคสามก็ได้นะ (คือเปิดประตูได้มันก็อาจจะไม่ได้ดูเป็น climax ที่ยิ่งใหญ่มาก แต่จขบ.รู้สึกว่ามี emotional fulfillment ในฉากนั้นมากกว่าฉากมังกรชุบทอง) คาดว่า PJ อยากมอบบทสไตล์ฮีโร่ให้คนแคระใช่ไหม แต่วิธีนี้มันดูไม่ใช่อ่ะ แม้จะคิด ๆ ดูแล้วตรงมันกรชุบทองอาจจะเป็นการสื่อในเชิงสัญลักษณ์ด้วยว่าเอาความโลภของธอรินมาปะทะกับสม็อกก็มีแต่ epic fail เพราะก็ตามืดบอดเหมือน ๆ กัน…? /แต่ก็แป้กอยู่ดี /ทั้งนี้ทั้งนั้น ฉากที่สม็อกโบยบินสะบัดทองก็สวยแบบชวนขำดีนะ 555555555 ,,TTvTT,, /หัวเราะทั้งน้ำตาส์
– ฉากที่คุยกับสม็อกนี่ประทับใจสม็อกแต่รู้สึกว่าบทบิลโบอ่อนไปหน่อย แล้วสม็อกก็พูดจนชักจะคิดว่าพูดมากจัง (อารมณ์แบบเค้าไม่ได้จ้อนาน คนดังรู้สึกเหงา เลยต้องโชว์เรือนร่างนาน ๆ) แล้วหลังจากพวกคนแคระตามเข้ามาก็รู้สึกว่าอยากดู The Hobbit อ่ะ ไม่ใช่ The Greatness of Erebor… OTL (ดู The Greatness of Erebor ก็ได้นะ แต่นี่มันดูเป็นการโชว์เอฟเฟ็คและดีไซน์โดยที่บทมันไม่มีประเด็นดึงดูดใจเท่าไร)
– ประทับใจที่ทำให้ตาของสม็อกสะท้อนภาพดวงตาของเซารอน ชอบที่สม็อกกับเลโกลัสพูดด้วยคำประมาณเดียวกันว่าเจ้าน่ะเป็นทั้ง “a thief and a liar” ซึ่งเลโกลัสพูดกับธอริน แล้วสม็อกพูดกับบิลโบในช่วงแรกสุดที่คุยกัน ดูเป็นสองคำที่ย้ำเบา ๆ ในหนังเรื่องนี้ เป็นความประทับใจแรกที่คนอื่นคิดตอนเห็นการเดินทางของคนแคระกลุ่มนี้ แต่พวกคนแคระดันไม่เห็นเป็นอย่างนั้น อะไรแบบนี้ ชอบ ๆ
– ที่เพิ่มบทให้แกนดัล์ฟนี่เราชอบมากเลย แต่ครึ่งหลังของหนังมันตัดกลับไปกลับมาเยอะไป ไม่ทันจะอินกับมังกรก็ตัดมาเมืองทะเลสาบ ไม่ทันอินกับเมืองทะเลสาบก็มาเจอแกนดัล์ฟ ซึ่งพอถึงจุดหนึ่งก็รู้สึกว่ามากความไป ตูเข้าใจแล้ววว ว่าต้องการจะเล่าอะไร TvT;
– ชอบการแสดงของ Martin Freeman มากถึงมากที่สุดอ่ะ ฮา
– รู้สึกว่าเหมือนมีอะไรอยากพูดอีก แต่โดยรวมทั้งหมดก็ประมาณนี้
.
.
.
เจอกัน entry หน้าค่า