Original Characters: Kamil and Shuroch Anatoli from KHR Fic ‘The Blade of Perfection’ by me, Leone and Michael Stellano from KHR/OC Fic ‘Black Bird’ by @sarail
Notes:
– ขอบคุณซาที่มาเล่นด้วยกันและเป็นแรงบันดาลใจ
– ขอบคุณท่าน Muk! ที่สร้างเลโอเน่มาแต่ดั้งเดิมค่า
– อาจมีต่อ เขียนเรื่อยเปื่อยจ้ะ
* * *
Circles and Birds
1.
เขามีผมสีของนกกาน้ำ สีดำ—ลักษณะท่าทางของเขามีสีดำเปล่งร้องออกมา ดวงตาของเขา—
—ชูรอช อนาโทลีเดินจิบโซดามะนาวอยู่ไกลออกไป แต่สายตาของเขาดีเพียงพอที่จะเห็น—
—เป็นสีเทา ผิวขาวซีด หน้าตาดี ดีมาก สเป็คเลย—
—ว่าแต่ท่านคามิลคุยกับหมอนั่นเพราะอะไร ชูรอชเด็ดส่วนหนึ่งของพวกองุ่นมา หยิบเข้าปากทีละเม็ด สายตาละจากคนผมดำมาที่บุรุษผมแดงผู้เป็นนาย – ท่านคามิลกำลังคุยกับบุรุษแปลกหน้าด้วยท่าทีที่เกือบจะดูสบาย ๆ หากแต่ไม่ผ่อนคลาย ท่านคามิลไม่เคยผ่อนคลาย ชูรอชแทบจะสัมผัสถึงความไม่ผ่อนคลายซึมออกมาจากอากัปกิริยาของท่านคามิล แม้เขาจะไม่แน่ใจนักว่านั่นคือการบรรยายลักษณะของท่านคามิลที่ตรงที่สุด—
—คามิลขยับยิ้มอย่างสุภาพให้ชายผมดำ—
—ชูรอชคิดว่าเขาคงพลาดการเข้าไปร่วมวงสนทนานี้ไม่ได้แน่ ๆ
_
เขามีผมสีของนกกาน้ำ – สีดำเหลือบน้ำเงินเขียว ลักษณะของวิหคผู้โดดเดี่ยว เคลื่อนกายอยู่ในลำแสง ดูคล้ายจุดมืดดำในแสงสว่าง อันเป็นจุดที่เหมาะที่สุดที่คามิลจะตัดสินใจสนทนากับใครสักคน คามิลสังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นคนผิวขาวซีด ชวนให้นึกถึงผิวของสตรีสมัยก่อน เมื่อสมัยที่คนยังมองว่าสตรีผิวขาวในยุโรปหมายถึงการได้รับการเลี้ยงดูที่ดี—ไม่ใช่สีขาวซีดเฉกคนสุขภาพไม่ดี
พวกเขาคุยกันไปเรื่อย ๆ ด้วยท่าทีสบายอารมณ์ ราวกับกำลังพูดเรื่องลมฟ้าอากาศ แล้วในช่วงเวลาหนึ่งมันก็เกือบจะเหมือนการกล่าวถึงลมฟ้าจริง ๆ เมื่อคามิลเริ่มพาดพิงถึงชูรอช ลูกน้องที่รับมือยากคนหนึ่ง เขาเป็นดั่งลมที่อยู่ไม่ห่างฟ้า (อันที่จริง ชูรอชเป็นพวกธาตุหมอก) ครั้นพวกเขาทั้งสองดำเนินบทสนทนามาถึงเรื่องเหนือธรรมชาติ คามิลก็พบว่าคนตรงหน้าคือเทวทูตดำที่กล่าวถึงพระเจ้า น่าสนใจ พวกเขาวนเวียนมาเอ่ยถึงความสมบูรณ์แบบเป็นครั้งคราว ก่อนจะกล่าวถึงอนาคต การควบคุมอนาคต การทำนายอนาคต คามิลถามว่าอีกฝ่ายชอบดื่มชาอะไรบ้าง คู่สนทนาตอบว่าชาอัสสัม ซึ่งคามิลคาดว่าจะเป็นกาน้ำชาในอนาคตของพวกเขา ด้วยคามิลคาดว่านี่คงไม่ใช่บทสนทนาครั้งเดียวจบ—
“จะว่าไป คุณชื่ออะไรนะครับ”
เทวทูตดำส่งเสียงอืมในลำคอ “เรียกมิกกี้ก็ได้ครับ” เขายิ้ม
“คุณมิกกี้” คามิลค้อมศีรษะเล็กน้อย
“ผมยังไม่ทราบชื่อคุณเลยครับ คุณคนที่เรียกผมว่ามิกกี้”
“ผมชื่อคามิลครับ” คามิลเลิกคิ้ว “คนที่เรียกคุณว่ามิกกี้นี่… ถือว่าแปลกหรือครับ
‘มิกกี้’ หัวเราะเบา ๆ “พอคิดว่าคนเคร่งขรึมแบบคุณเรียกชื่อผมแบบนั้นแล้วรู้สึกว่าน่ารักดีน่ะครับ” ยิ้ม “ลองทายชื่อจริงผมก็ได้นะครับ”
“ชื่อจริงของคุณนี่ต่างจากมิกกี้มาก หรือว่ามีเสียงบางอย่างคล้ายคลึงกันหรือครับ”
คนถูกถามเพียงแต่ยิ้ม “ลองทายดูครับ คุณคามิล”
“ถ้าผมทายแล้วจะประสบผลอะไรบ้างหรือครับ ทำให้คุณสนุกรึเปล่า”
“จะทำให้คุณไม่ต้องเรียกชื่อตัวละครติดลิขสิทธิ์ครับ”
“คุณหน้าตากับสำเนียงเหมือนคนชาติใดกันหนอ… ผมคาดว่าชื่อจริงคุณคงไม่ใช่ชื่อไมค์ ดูเป็นชื่อที่ไม่เข้าคู่กับคุณ?”
“ที่จริงเรื่องนี้ก็น่าสนใจนะครับ ผู้ตั้งชื่อจะรู้ได้อย่างไรว่าเด็กทารกในตอนนั้นจะโตมาเข้ากับชื่อหรือไม่”
“พวกเขาไม่ทราบหรอกครับ ผมว่าพวกเราเติบโตกระทั่งเข้ากับชื่อของตนเองเสียมากกว่า—ไม่ใช่ไมค์ก็มิคาเอลรึเปล่าครับ”
และแล้ว คามิลก็ค้นพบว่าเทวทูตดำผู้นี้มีนามว่ามิคาเอลจริง ๆ พวกเขาคุยอ้อยอิ่งเรื่องชื่ออีกครู่หนึ่ง ก่อนที่มิเกลจะเอ่ยถามขึ้นว่า
“เอ ผมไม่ทราบว่าชื่อคามิลนี่มีความหมายแบบไหน พอจะบอกให้ทราบได้มั้ยครับ”
“มันมีความหมายว่าสมบูรณ์แบบ… ผู้สมบูรณ์แบบ หรือสมบูรณ์ครับ”
“คุณถึงได้เป็นคนที่พยายามจะสมบูรณ์แบบ?”
“ผมอยากจะพูดว่า ผมเลือกที่จะเป็นคนที่สมบูรณ์แบบ มากกว่าพยายามจะสมบูรณ์แบบครับ… มันจะฟังดูเฉียบขาดแม่นยำกว่า”
“อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณมาถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้วล่ะครับ”
“ไม่ใช่ว่าผมคิดว่าผมมาถึงจุดที่สมบูรณ์แบบแล้วหรอกครับ ผมเพียงแต่จะไม่ทำพลาดในเรื่องที่สำคัญเด็ดขาด จึงกล้าพูดแบบนั้นครับ”
“คุณใช้เกณฑ์อะไรวัด… อ้าว…” มิเกลเห็นเงาสะท้อนใครบางคนในน้ำชา ก่อนจะเงยหน้าขึ้น “สวัสดีครับ” เขาเงยมองคนมาใหม่ที่อยู่ด้านหลัง – เด็กหนุ่มสวมเสื้อกั๊กหลากสี สวมเชิ้ตแดงกับกางสีเดียวกัน เขายืนฉีกยิ้มกว้างให้มิเกล
“ขอร่วมโต๊ะด้วยได้ไหมครับ อีวานส์ ยาโนวิชครับ ยินดีที่ได้รู้จัก” เด็กหนุ่มยื่นมือไปเป็นเชิงขอจับมือทักทายกับมิเกล ชูรอชแปลกใจที่คามิลแนะนำตัวเองด้วยชื่อคามิล และเป็นคามิลคนที่เป็นเจ้าของสำเนียงอังกฤษเสียด้วย – เป็นทั้งกึ่งปลอมตัวและกึ่งเผยตัว ซึ่งอาจดูอันตรายอยู่สักหน่อย แม้ว่ายามนั้นจะไม่มีใคร (ที่ไว้ใจไม่ได้) ที่รู้จักนามคามิลมากจนเกินพอดีก็ตาม
“มิคาเอล สเตลลาโน่ครับ” คุณเทวทูตดำกล่าวแนะนำตัว พลางยื่นมือไปจับเป็นการตอบรับ
และนั่นคือตอนที่พวกเขาได้รู้จักกับมิเกล วิหคดำ
นั่นคือตอนที่ชูรอชได้เคียงบ่าคามิล เมเลสกี้ แล้วพบว่าเขาคือคามิลที่สุภาพกว่าปกติ ยิ้มสุภาพบ่อยกว่าปกติ ลงท้ายประโยคด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลกว่าปกติ คามิลผู้พยายามคุมบทสนทนาน้อยกว่าปกติ กับคนที่ชื่อว่ามิคาเอล สเตลลาโน่ บางทีชูรอชอาจจะประเมินความไม่ผ่อนคลายของคามิลผิดไป บางทีท่านคามิลของเขาอาจสามารถผ่อนคลายได้
_
เมื่อชูรอชคิดดูดี ๆ แล้ว มิเกลก็เป็นแทบทุกอย่างที่เขาไม่ได้เป็น ชูรอชมองว่าทั้งเขาและมิเกลเป็นคนที่มีเสน่ห์ หากเป็นในรูปแบบที่ไม่เหมือนกัน ตัวชูรอชเองมีความทระนงในเรื่องเสน่ห์ของตนอยู่ แต่มิเกลเกือบจะดูเหมือนคนที่มีเสน่ห์โดยไม่ต้องพยายาม เขาไม่ได้ดูเหมือนจะคิดถึงการยิ้มหวานให้ใครหรือจังหวะที่จะออดอ้อน เขาเพียงแต่มองด้วยดวงตาสีควันบุหรี่ของเขา เป็นเสมือนน้ำนิ่ง สะท้อนบางสิ่งที่คล้ายคามิล แต่ชูรอชไม่คิดว่าคามิลต้องการเพื่อน เช่นนั้นเขาต้องการอะไร คนรู้จักที่สามารถดื่มชาและสนทนาจิปาถะด้วยเช่นนั้นหรือ
เมื่อครั้งที่คามิลได้มีโอกาสดื่มน้ำชากับมิเกลอีกครั้ง ชูรอชก็โฉบผ่านไปในชุดบริกร ในตอนที่เขาเข้าไปพอดีนั้น เขาก็ได้ยินมิเกลเอ่ยว่า
“วันนี้คุณอยากจิบชาด้วยหัวข้ออะไรเป็นพิเศษรึเปล่าครับ”
“ไม่มีเป็นพิเศษครับ แค่คิดว่าอยากผูกมิตรกับคุณบ้าง”
อยากผูกมิตร ชูรอชนึกระหว่างที่แย้มยิ้มให้ทั้งคู่ “ของว่างน้ำชายามบ่ายครับท่าน” ท่านคามิลไม่ผูกมิตรกับใครโดยไม่ลงโทษก่อนสักหน่อย
ไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้วหรือ
“เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ ผมก็คิดแบบเดียวกัน” มิเกลเอ่ยตอบคามิล ก่อนจะหันมามองชูรอช “ชุดเหมาะกับคุณดีนะครับ คุณยาโนวิช” เขาว่า พลางยิ้ม เขายิ้มสวยเสียด้วย ด้วยสีซีดของเขาทำให้เห็นรูปริมฝีปากได้ชัดขึ้น ชูรอชตัดสินใจว่าเขาชอบแนวขอบริมฝีปากของอีกฝ่าย เป็นเฉดสีผิวของมนุษย์ที่ตัดกันได้อย่างลงตัว
ชูรอชยิ้มแฉ่งกลับ “ผมสามารถทำให้ตัวเองเหมาะกับทุกชุดครับ… เมื่อผมต้องการ ถ้าทั้งสองต้องการอะไรเรียกได้นะครับ”
มิเกลหยิบสโคนขึ้นมาทาน รบกวนภาพรอยยิ้มบนริมฝีปากนั้น “ช่วยเสิร์ฟเอสเพรสโซ่ให้คุณผู้ชายที่โต๊ะตัวในริมสุดหน่อยได้มั้ยครับ บอกว่ามาจากผม” และแล้วรอยยิ้มก็หวนคืนกลับมาอีกครั้ง เรียวนิ้วขาวชี้ไปที่ตัวเป้าหมาย
และนั่นคือตอนที่พวกเขาได้รู้จักกับเลโอเน่ ‘เจ้านาย’ ของมิเกล เทวทูตดำ
_
บทสนทนาแรกของชูรอชกับเลโอเน่ ดำเนินไปดังนี้
“ต้องการอะไรอีกไหมครับท่าน” ชูรอชถามเมื่อวางถ้วยเอสเพรสโซ่ลงตรงหน้าอีกฝ่าย
“ฉันจำได้ว่าฉันไม่ได้สั่งกาแฟ” บุรุษผมทองเอ่ยตอบ เขาใส่หูฟังอยู่ข้างหนึ่ง เครื่องดักฟัง ชูรอชคำนึงอย่างไม่แปลกใจนัก เขามีดวงตาสีเขียวมรกต เครื่องหน้าหล่อเหลาและทรงอำนาจ มีพลังงานบางอย่างในน้ำเสียงที่ชวนให้นึกถึงปิศาจชุดขาว—ใช่สินะ เขาใส่ชุดขาวทั้งตัว—ชูรอชขัดจังหวะความคิดในเชิงสัญลักษณ์ของตน
“คุณผู้ชายผมดำทางด้านโน้นสั่งให้ครับ” เขาผายมือไปทางมิเกล “หรือว่าท่านประสงค์จะดื่มอย่างอื่น”
“เมนูแนะนำของร้านนี้?”
“ชุด high tea ครับ มีเซ็ตเล็ก กลาง ใหญ่”
“ฉันไม่ชอบของหวาน…”
“ถ้าอย่างนั้นรับสลัดหรือซุปแทนไหมครับท่าน”
“ถ้าเป็นอาหารตามสั่งได้ไหมนะ” เขาจิบกาแฟ “อย่างเช่นเธอเป็นไง” ว่าพลางยิ้ม
อวดดี ชูรอชคำนึง กระนั้นริมฝีปากกลับแย้มยิ้ม “จังหวะดีเลยครับ ถ้าท่านสั่งกับบริกรคนอื่นคงไม่ได้ ต้องการในแบบไหนหรือครับท่าน”
.
(ในหัวของชูรอช:
ผู้ชายคนนี้ = เป็นคนประเภทที่คิดว่าตัวเองสามารถบัญชาอะไรก็ได้ตามใจอยาก)
.
“แบบที่เธอถอดชุดนั้นออกแล้วนั่งตรงข้ามฉันดีไหม”
ชูรอชเม้มปาก
.
ถอดชุดบริกรออก ≠ การนั่งลงด้วยฐานะเท่าเทียมกัน
ถอดชุดบริกรออก = ให้เผยตัวจริงมากขึ้น
.
“แล้วท่านอยากให้ผมใส่ชุดแบบไหนแทนครับ ด้วยเกรงว่าหากเปลือยกายที่นี่เลยจะไม่เหมาะ” เขากล่าวหยอก
“ชุดแบบไหนที่เหมาะกับร้านน้ำชา” เขาประสานมือเข้าด้วยกัน “กระโปรงสุ่มหรือ”
“อย่างผมจะแต่งให้สวยนี่ต้องใช้เวลานี่สิครับ แน่ใจหรือครับ”
“เธอชอบความสมบูรณ์แบบหรือ ฉันแค่อยากได้เพื่อนดื่มกาแฟ”
ดวงตาสีเทาของของชูรอชดูนิ่งลง หากยังคงรอยยิ้มไม่เสื่อมคลาย พลางว่า “ในฐานะบริกรแล้ว หากพูดว่าจะบริการ อะไรก็อยากทำให้ได้นะครับ แต่หากท่านต้องการเรื่องนั้นเป็นหลัก จะใส่เพียงชุดธรรมดาก็พอ รอชาสักครู่นะครับ หากผมจะร่วมกับท่านคงต้องเตรียมกาแฟให้ตัวเองด้วย” เขาค้อมตัวให้เลโอเน่ ก่อนจะผละไป
ชูรอชความสมบูรณ์แบบไหมน่ะหรือ เขาตกหลุมรักคนที่เป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์แบบต่างหาก
และไม่ควรมีใครสอดรู้เรื่องนั้นมากเกินไป