Posted in Prompt, Writing

[30 Day Couple Challenge: Day Six – Day Ten] A Love Story: เปลี่ยนแปลง

Image

Source: NanJi

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ
.
.
.
Rating: PG
.

.

.

.

.

.

(6)     หอมแก้ม

.

แก้มของคริสนุ่ม อุ่น—เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยสัมผัสแห่งการมีชีวิต คริสเป็นคนที่มีชีวิตชีวานะ และสดใสมากกว่าผม

บางครั้งผมหอมแก้มเขา แล้วหอมซ้ำตรงลักยิ้ม  เมื่อก่อนผมหอมแก้มใครไม่บ่อยและคงไม่มีทางปล่อยให้ใครหอมซ้ำ ๆ แบบที่เขาทำ… มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนไปมากเหลือเกิน ผมปรับตัวไปกับทุกย่างก้าว ผมเห็นดวงไฟจุดสว่างเพิ่มขึ้นในทุกฝีเก้า และมันก็ส่องสว่างสดใสเรืองรองจนไม่อยากให้มันต้องหายไปเลย

ผมชอบเวลาที่ผมหอมแก้มเขา แล้วถนอมลักยิ้มนั้นไว้ได้

.

.

(7)     สวมรองเท้า

.

ผมสวมรองเท้าเพียงข้างเดียวช่วงที่ขาหัก  เมื่อได้กลับมาสวมรองเท้าทั้งสองข้างพร้อมกันอีกครั้ง พื้นรองเท้าข้างหนึ่งก็สึกกว่าอีกอันพอสมควร เดินแล้วรู้สึกแปลก ๆ เล็กน้อย ผมเลยทิ้งรองเท้าคู่นั้นไป

เวลาผ่านไป ผมพบคุณแมงมุมที่คริสเป็นคนบอกให้คุณวิคเตอร์ติดไว้กับรองเท้าคู่นี้

เวลาล่วงเลยไปอีก รองเท้าคู่ใหม่ก็ไม่อาจถือว่าใหม่ได้อีกต่อไป

เช้าบางวัน ผมสวมรองเท้า แล้วใจเต้นอยู่คนเดียว หวนคิดไปว่าเพิ่งเมื่อวานนี้เองที่เขาจูบเท้าของผม

.

.

(8)     ป้อนขนม

.

อันที่จริงผมเป็นคนที่ทานขนมได้เรื่อย ๆ  เหมือนกับว่ามันเป็นเมนูที่หากมีให้ทานก็ทาน หากไม่มีก็ไม่เสียดาย—ผมรู้สึกเช่นนี้กับหลายสิ่งหลายอย่าง… มาเป็นเวลานาน

คริสดูมีความสุขเวลาป้อนขนมให้ผมนะ ตอนแรกผมไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่เมื่อได้ลองป้อนขนมให้เขา ผมก็เริ่มเข้าใจเอง  โดยทั่วไปแล้ว ผมไม่ได้ต้องการเพื่อนทานอาหารด้วยกันเป็นพิเศษ แต่ผมต้องการเขาเป็นพิเศษ  เพราะฉะนั้น ถึงได้มีความสุขกับสิ่งที่ดูเผิน ๆ อาจจะเป็นเรื่องเล็กน้อย

.

.

(9)     ดื่มน้ำแก้วเดียวกัน

.

คริสให้ความสุขกับผม ความสุขที่ครั้งหนึ่งไม่ใช่สิ่งที่ผมแสวงหาในชีวิต เป็นดั่งน้ำหล่อเลี้ยง  ผมไม่เคยรู้ว่าผมลืมดื่มน้ำมานานมาก จิตวิญญาณของผมซูบแห้งและกำลังจะตาย และผมก็ไม่เคยรู้ว่าน้ำคือปัจจัยที่ขาดหายไป  หากคริสโตเฟอร์ แบลงค์ไม่พยายามส่งแก้วน้ำมาให้ผมแต่แรก ผมคงเฉาตายไป โดยที่ไม่มีทางได้รู้ว่าความสุข—ความสุขบริสุทธิ์ของความรักนั้นก็มีค่า

เขากล่าวขอบคุณผมบ่อยครั้ง อันที่จริงแล้วหลายสิ่งที่ผมพยายามทำ ก็คือการเติมน้ำในแก้วที่ผมได้รับมาจากเขา แล้วแบ่งให้เขาดื่ม

.

.

(10)     ให้ช็อกโกแล็ต (วาเลนไทน์)

.

ผมว่าช็อกโกแล็ตแฮนด์เมดน่ะอร่อยเสมอ ก็เลยสั่งซื้อมาแบ่งกัน เขาคงจะชอบ (ล่ะมั้ง)  ช็อกโกแล็ตบางชิ้นในกล่องที่ผมเลือกมาเป็นรูปหัวใจ (ผมบอกตัวเองว่าไม่เห็นจะต้องเขินมากมาย)  เป็นแบบนี้แล้วชวนให้นึกถึงวันวาเลนไทน์เลย แต่ไม่เป็นไรหรอก  ถ้าผมจะซื้ออะไรมาแบ่งกันทานกับเขา จะเป็นวันไหนก็ได้

พอช็อกโกแล็ตส่งมาถึง ผมก็ไม่กล้าให้ทันที แต่แล้วก็เอามาให้เขาในเวลาอันสั้น… ถ้าเก็บไว้นาน ๆ ก็เกรงว่ากลิ่นหอม ๆ ของมันจะหายไป

(ดีจังที่ได้ให้)

.

.

.

.

.

.

TBC.

Posted in Articles, Reviews

Conceal, Don’t Feel: A Queer Reading of Disney’s [Frozen]

I’ve found that interpreting Disney’s Frozen as a gay allegory makes sense to me after all.

Dr. Angel Daniel Matos

Don’t let them in, don’t let them see
Be the good girl you always have to be
Conceal, don’t feel, don’t let them know
Well, now they know.

– Queen Elsa, “Let It Go” – Disney’s Frozen

Last night I saw Frozen, Disney’s adaptation of Hans Christian Andersen’s classic fairy tale entitled The Snow Queen. After seeing the film, my friend Katie pointed out that this movie is perhaps signaling another Disney renaissance, a period characterized not only by the adaptation of well-known tales, but also by an increased public interest in Disney films. I couldn’t agree more with Katie’s assessment–Frozen contained a sense of depth and heart that many recent Disney films lack. Something that I immediately thought about when leaving the movie theater was that Frozen is perhaps the queerest animated film ever produced by Disney–queer being a theoretical practice centered on the deconstruction of…

View original post 1,242 more words

Posted in Prompt, Writing

[30 Day Couple Challenge: Day One – Day Five] A Love Story: สัมผัส

Image

Source: NanJi

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ
.
.
.
Rating: PG
Author’s Note: แหกกฎไปตามประสา (ฮา) เราจะทำในกี่วันก็ไม่รู้ แต่คงอัพให้ครบ 30 ข้อเรียงตามลำดับไปอย่างซื่อสัตย์ แต่มโนเขียนบิดเบือนไปจากหัวข้อบ้างถ้าไม่มีอะไรมาหนุนให้เขียน อ่ะเอิ๊กส์ XD (เช่นว่าหมอออสยังไม่เคยมีวาเลนไทน์ด้วยกัน แต่ดันเคยให้ช็อกโกแล็ตนะ พอเขียนได้ในจุดนั้น) เริ่มทำเพราะอยากทำ ไม่ได้วาด fanart นานและไม่ถนัดวาดนักเลยมาเขียน drabble แทน ซึ่งก็พยายามคงให้เป็นประมาณ 100 คำต่อหัวข้อ เกินบ้างพอดีบ้าง แต่ไม่น้อยกว่า 100 คำเนะ

.

.

.

.

.

.

(1)     จับมือ

.

มือของคริสหนากว่า และมีแผลเป็นเล็ก ๆ ให้เห็น  มือของผมผอมกว่าผู้ชายส่วนใหญ่ และด้านเป็นบางจุด

มือของผมมักจะเย็น มือของเขามักจะอุ่น

มือของเขามักจะอุ่น (สำหรับผม)

(สำหรับผม)

มือของคนทั่วไปอุ่นขนาดนี้หรือไม่… ผมไม่รู้อีกต่อไปแล้ว และไม่ปรารถนาจะรู้ – พวกเรามีสัญญา สัญญาตั้งแต่ก่อนที่พวกเราจะเป็นคนรักกันเสียด้วยซ้ำว่าผมจะไม่ให้คนอื่นแตะตัวผมอีก มือของเขาเคยทำอะไรที่ผมไม่ชอบ—

บัดนี้ผมจับมือเขาราวกับมันเป็นสิ่งที่นิ้วของผมเพรียกหาโดยธรรมชาติ

.

.

(2)     กอดแขน

.

ผมกอดแขนของเขาเป็นครั้งคราว บางครั้งมันคล้ายกับจะเป็นการอ้อน (ที่เขาเป็นคนสอนให้รู้จัก)  แต่ส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพราะมันค่อนข้างอุ่น

(ตัวของเขาอุ่นอยู่ตลอด)

การกอดแขนมีบางอย่างใกล้เคียงกับการกอดกัน การกอดแขนคือตัวผมที่เป็นฝ่ายกอดยื้อส่วนหนึ่งของตัวเขาเอาไว้ ยื้อแขนที่สามารถโอบรอบตัวผมได้อย่างพอดิบพอดียิ่งกว่าใคร การที่ผมใช้แขนสองข้างกอดแขนเพียงข้างเดียวของเขาจะทำให้เขารู้สึกอุ่นมากไหม อุ่นใกล้เคียงกับที่เขาทำให้ผมรู้สึกอุ่นรึเปล่า

.

.

(3)     โอบไหล่

.

เมื่อคริสโอบไหล่ผม ผมจะเข้าไปใกล้ขึ้น หรืออย่างน้อยก็รู้สึกว่าอยู่ใกล้ขึ้น อยู่ใกล้กันมากกว่าเดิม  บางทีก็มีเสียงแว่วลึก ๆ อยู่ในหัวว่า “คริส ผมอยากอยู่ใกล้กว่านี้”

ผมไม่เคยอยากอยู่กับใครใกล้ถึงเพียงนี้มาก่อนเลย ไม่เคยอยู่กับใครใกล้ขนาดนี้มาก่อนเลย เป็นความรู้สึกหนักที่ไหล่มากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ใช่น้ำหนักที่ผิดแผกแปลกปลอม เป็นน้ำหนักของมือและแขนที่มีสิทธิ์จะได้อยู่บนไหล่ของผม

.

.

(4)     โอบเอว

.

หนึ่งปีที่แล้ว ไม่มีใครโอบเอวผมทั้งนั้น และไม่มีใครที่ผมต้องการให้โอบเอวทั้งนั้น  เพียงหนึ่งปีที่แล้ว ผมคงไม่เอื้อมมือไปโอบเอวใครโดยที่ไม่หยุดคิดก่อนได้ แต่กับเขามันเป็นไปตามธรรมชาติ  ผมไม่จำเป็นต้องคิดว่าเวลานี้ผมควรเลื่อนมือไปโอบเอวของเขาหรือไม่ อย่างไร  ผมเพียงแค่รู้ว่าผมจะทำ ถึงได้ทำ

เวลาที่คริสโอบเอวของผม ผมจะตระหนักถึงความผอมบางของตัวเอง—ไม่จำเป็นว่าจะเป็นทางกาย ผมเพียงแต่ผอมบางเหลือเกิน… สำหรับสัมผัสที่มีตัวตนอันยิ่งใหญ่ในจิตใจของผม

.

.

(5)     จูบเรือนผม

.

ผมเคยจูบเส้นผม จูบศีรษะของเขาบ่อยครั้ง คริสบอกว่าเขาไม่เคยย้อมผมเลย นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผมของเขาถึงนุ่มนิ่มคล้ายคลึงกับผมของเด็ก

คริสอายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี ผมจะรู้สึกเหมือนเขาอายุน้อยกว่าผมจริง ๆ ก็ในเวลาที่ได้จุมพิตเส้นผมของเขา เหมือนกับว่าผมได้ดูแลเด็กน้อย ได้ปลอบโยนหรือให้ความรักกับเด็กคนหนึ่งอยู่

ถึงอย่างนั้นเวลาที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ก็คล้ายเป็นเด็กไปครึ่งหนึ่งได้แล้วกระมัง

.

.

.

.

.

.

TBC.