Posted in Gallery, Prompt

[RP] Shirley Southsea

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ

timthumb

☾ Page of Shirley Southsea

ชื่อ-นามสกุล: Shirley Southsea (เชอร์ลีย์ เซาธ์ซี)

ชื่อเล่น: Shirl (เชิร์ล)

ตำแหน่ง: ลูกเรือ

เรือที่ต้องการสังกัด / กัปตันเรือที่ต้องการสังกัด: The Doomed Dawn / Derya Jamal

อายุ: 26 27 ปี

เพศ: ชาย

น้ำหนัก / ส่วนสูง: 75 kg / 187 cm

เมืองเกิด: เกิดบนเรือโดยสารจากโรซาริน่าไปซิมาฟ

เชื้อชาติ: ไม่ทราบแน่ชัด คาดว่าอย่างน้อยก็มีเชื้อสายชาวลาเอลอยู่

ลักษณะภายนอก: ผมสีบลอนด์ขาว ดวงตาสีเทา ชอบถักเปียเล็ก ๆ สองข้างที่ปอยผมด้านหน้าและผูกผ้าโพกหัวประดับลูกหิน ท่าทางกระฉับกระเฉง ส่วนใหญ่จะสวมเสื้อผ้าที่ไม่มีแขนเสื้อ ที่ข้อมือมักจะสวมกำไลลูกหินสีต่าง ๆ ให้เข้ากับชุดที่สวมใส่วันนั้น มักจะใส่ต้มหูลูกหิน แต่งกายสีสันสดใส เน้นสีแดงสด หลายชุดก็ดูเก่า ๆ โทรม ๆ บ้างคล้ายไม่มีเวลาดูแล แต่ก็มักจะใส่เสื้อผ้าที่มีเนื้อผ้าชั้นดี รูปร่างสูง ดูปราดเปรียว ผิวสีขาว ถ้าโดนแดดนานหรืออยู่ในอากาศเย็นมากแล้วผิวหน้าจะออกแดงอย่างชัดเจน (เวลาดื่มเหล้าก็หน้าแดงง่าย) เหน็บกริชกับขวานใหญ่ติดตัวเป็นประจำ มักจะสวมปลอกคอสีน้ำตาลดำ ยกเว้นเวลาออกปล้น

^20863BD4317C626A72E6F99EE09FE8529C41E029B683FD319D^pimgpsh_fullsize_distr

[ภาพอภินันทนาการจาก https://seykurohashi.wordpress.com/ ]

ลักษณะนิสัย:

  • ชอบยิ้มกวนระคนอวดดีอยู่เป็นนิจ ขี้เล่น
  • อยู่ในวัยที่โอหังและอาจประเมินตัวเองสูงกว่าความเป็นจริง อนึ่งคือค่อนข้างหลงตัวเอง และบางครั้งก็มั่นใจในตัวเองจนไม่ฟังใครและยังทำตัวเหมือนเด็กไม่รู้จักโต
  • นิ่งลงกว่าปกติเมื่ออยู่กับหนังสือ
  • อดไม่ได้ที่จะปากดีไม่ดูเวลาเรื่อย ๆ
  • คล้ายจะชอบเอาใจคนอื่น แต่ในหลายกรณีอาจเพียงอยากกวนใจคนอื่นเขาแค่นั้นก็เป็นได้ แม้แต่ตัวเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก
  • เมื่อถือว่าได้สังกัดอยู่ที่ใดแล้วก็มักจะทุ่มเทอุทิศตนให้กับที่นั่นเต็มที่ ฉะนั้นในตอนนี้จึงตั้งใจจะทำหน้าที่ของตัวเองในเรือดูมดอว์นอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ถือว่าการอุทิศตนกับการผูกมัดเป็นคนละเรื่องกัน
  • ปฏิบัติกับผู้คนไม่เท่ากัน จะสุภาพ นัวเนีย ออเซาะหรืออวดดีกับใครก็แล้วแต่สัญชาตญาณตัวเองจะชี้นำ
  • ถ้าเดือดดาลขึ้นมาจะติดนิสัยใช้กำลัง
  • สนุกกับการฆ่าคนอย่างช้า ๆ แต่ก็จะไม่ทำให้ความชอบส่วนตัวนี้ถ่วงการขโมยสมบัติหรือกิจอื่นที่จำเป็นต้องทำ ณ เวลานั้น ส่วนกรณีที่สนุกกับการฆ่าเร็ว ๆ มักจะตอนได้พรากทารกจากอกแม่และฆ่าต่อหน้า
  • รักสมบัติ แต่เมื่อมีเหตุเสียทรัพย์ไปก็ไม่เก็บมาเจ็บแค้น และไม่ก็ไม่เสียดายของที่พังไปเกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว
  • ตระหนักรู้ความรู้สึกของตนที่มีต่ออะไรช้าเอามาก ๆ  อาจจะเว้นแต่ความรู้สึกโกรธ

ประวัติ:

ปี 91 – 103:

  • เกิดบนเรือโดยสารจากโรซาริน่าไปซิมาฟ คาดว่าเป็นลูกของชนชั้นสูงที่แอบมาคลอดบนเรือแล้วทิ้งลูกไว้เพื่อปิดบังเรื่องอื้อฉาว กัปตันผู้เป็นชาวมัวร์ของเรือโดยสารนั้นเป็นคนไปพบเด็กทารกและตัดสินใจเลี้ยงไว้เป็นลูกบุญธรรม
  • เชอร์ลีย์มีชีวิตช่วงแรกอยู่ในเรือ และเคยกลัวที่จะขึ้นบกเพราะเคยโดนลูกเรือคนหนึ่งแกล้งกรอกหูว่า “คนบนบก” รังเกียจคนที่ไม่ได้เกิดบนบก พออายุ 5 ขวบถึงได้ลองยอมขึ้นบกเป็นครั้งแรก
  • มีนิสัยชอบขโมยอาหารในเรือมาตั้งแต่เล็ก ๆ  โดนกัปตันของเรือโดยสารนั้นตีบ่อย ๆ แต่ก็ไม่เข็ดเสียที
  • ชอบเก็บสะสมของที่พวกคนโดยสารทิ้งไว้ แต่ไม่ค่อยเจอของมีราคาสูง สมัยนั้นชอบสะสมหนังสือและนาฬิกาพกเป็นพิเศษ (แพทย์ประจำเรือเป็นคนสอนอ่านหนังสือ) ถ้าเจอซิการ์ก็จะเอาไปฝากกัปตัน มีอยู่ครั้งหนึ่งพบกำไลอัญมณี พอเอาไปฝากกัปตันแล้วกัปตันดูดีใจมาก เลยเริ่มนิสัยลักขโมยของมีค่า ไม่เคยโดนจับได้

ปี 104 – 107:

  • มีลูกเรือคนหนึ่งถอนตัวจากเรือโดยสารนั้น เขาหลอกพาเชอร์ลีย์ลงเรือไปเที่ยวด้วยกันที่รอนโดรี่ ก่อนจะนำไปขายให้กับซ่อง เชอร์ลีย์พบยูลและได้มีเพื่อนวัยรุ่นราวคราวเดียวกันเป็นครั้งแรก อยู่ได้ไม่กี่เดือนเชอร์ลีย์ก็หนีออกมาครั้งหนึ่ง แต่ก็โดนจับกลับไปในเวลาอันสั้น ที่ซ่องเอาฝิ่นกับกัญชาให้เชอร์ลีย์เสพจนติด เขาไม่กล้าหนีออกมาอยู่นานระหว่างที่เป็นทาสฝิ่นกับกัญชาอยู่ที่นั่น ที่รอนโดรี่ไม่มีโสเภณีชายที่มีลักษณะของชาวลาเอลอยู่เยอะนัก หลังจากเรียนรู้งานนี้อยู่พักใหญ่ก็ได้ราคาสูงกว่าเดิม กลับกลายเป็นได้รับการทะนุถนอมจากเจ้าของซ่องอยู่พอสมควร

ปี 108114:

  • เมื่อยูลวางเพลิงซ่อง ก็หนีออกมาด้วยกัน
  • เชอร์ลีย์จากยูลโดยไม่บอกลา แล้วลักลอบขึ้นเรือพาณิชย์ที่กำลังเดินทางไปอัคซาเร ได้พบกับกัปตันเรือนามว่าคามิลเลียสเข้า คามิลเลียสตัดสินใจรับเชอร์ลีย์เข้ามาเป็นลูกเรือ และคอยคุมดูแลเชอร์ลีย์จนเลิกติดฝิ่นและกัญชา ทั้งคู่เป็นคู่รักกันอย่างลับ ๆ
  • ได้ฝึกการเดินเรือและศิลปะการต่อสู้จากท่านคามิลเลียสตลอดเวลาที่อยู่บนเรือพาณิชย์ กับคนรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วเชอร์ลีย์ไม่เป็นรองใครในเรื่องของความเร็วในฝีเท้าและในฝีดาบ
  • เรือพาณิชย์นั้นล่มไปเมื่อเจอกับพายุใหญ่ระหว่างเดินทางไปซิมาฟ คามิลเลียสสาบสูญ

ปี 115 – 117:

  • เชอร์ลีย์ตัดสินใจลองท่องทะเลทรายดูบ้าง จึงไปเข้าร่วมกับพวกหมู่โจรทะเลทราย คอยตามขโมยของจากพวกพ่อค้าที่ขนส่งสินค้าข้ามทะเลทรายเข้า-ออกซิมาฟ นอกจากนั้นเชอร์ลีย์ก็ขายตัว ลักขโมย และขายกำไลลูกหินเป็นงานเสริม
  • หลักจากเบื่อการเดินทางในทะเลทรายก็เป็นผู้ช่วยคนขายเนื้อที่ซิมาฟ  และเริ่มคิดอยากกลับสู่ทะเลอีกครั้ง ว่าจะหาช่องทางเข้าร่วมกับโจรสลัดเรือใหญ่

ปี 118:

  • พบอิกกี้ที่ร้านหนังสือที่ซิมาฟ พบว่าคนคนนี้น่าค้นหาติดตาม แต่ไม่ควรไปหือด้วยอย่างประหลาด
  • ขึ้นเรือดูมดอว์น ลึก ๆ แล้วนับเป็นหนี้อิกกี้อยู่มากที่ได้กลับมาสู่ทะเลในแบบที่ตัวเองต้องการ

[สามารถโคประวัติเพิ่มเติมได้]

อาวุธ: เรียงลำดับตามความถนัด –> มือเปล่า=ขวาน>ดาบสั้น>กริช

ประสบการณ์การเดินเรือ (ปี): เดินเรืออย่างจริงจังเป็นเวลา 6 ปีเมื่อสมัยเป็นลูกเรือให้เรือพาณิชย์ของคามิลเลียส (เวลาที่อยู่บนเรือ 12 ปีเมื่อสมัยเด็กก็ได้รับความรู้เรื่องวิธีการเดินเรือมาตลอด แต่ไม่มีประสบการณ์ในเชิงปฏิบัติมากนัก)

สิ่งที่ชอบ: การอ่านหนังสือ, เซ็กซ์กับคนในแบบที่ชอบ, เซ็กซ์ที่ได้เงินทองตอบแทน, ซิการ์, ลูกหิน, นิ้วมือ นิ้วเท้าของคนหรือหัวของทารกตอนถูกตัดออกใหม่ ๆ, ผู้ชายท่าทางเนี้ยบ ๆ และดูเรียบร้อย, กลิ่นทะเล, เสียงคลื่นที่ได้ยินจากบนเรือ/ในเรือ, ทำสร้อยข้อมือ, การทำอาหาร, เหล้ารัม, การเล่นซ่อนหาบนเรือ, เสียงไวโอลิน, แสงจันทร์

สิ่งที่ไม่ชอบ: เสียงกรี๊ดอย่างสนุกสนานของเด็ก

สิ่งที่เกลียด: ท้องฟ้าสีแดงยามเช้า (=พายุอาจจะเข้า), การโดนคนที่ตนยอมรับดูถูก

อุดมการณ์/ความต้องการ: ความผิดพลาดพื้นฐานในการใช้ชีวิตคือการคิดว่าความสุขคือเป้าหมาย, คนบนโลกนี้ไม่มีดีหรือเลว มีเพียงชาวบกหรือชาวทะเล, ต้องการชีวิตที่มีการเดินทางและเสียงคลื่นจากบนเรือ

Twitter: https://twitter.com/Shirley_DDawn

Twitter ผปค.: https://twitter.com/Daiong

ฝากตัวด้วยนะคะ (u _ u,,

Posted in Reviews

[Review] Bogowie: Gods พระเจ้าในเสื้อกาวน์สีขาว

A Ticket To Vega

 

(เช่นเคยว่ายังไม่อาจหาญเรียกสิ่งนี้ว่าเป็นบทวิเคราะห์ บทวิจารณ์ จะยังคงคอนเซ็ปบทบันทึกหลังหนังจบต่อไปจนกว่าจะปีกกล้าขาแข็ง(?)กว่านี้)

(คำเตือน – มีสปอยล์บ้างนิดหน่อย มั้ง)

 

 

 

 

 

 

 


Directed by Łukasz Palkowski

(ขอเลือกโปสเตอร์ต้นฉบับมาแทนโปสเตอร์ภาคภาษาอังกฤษเพราะถูกใจที่ใช้กราฟจังหวะการเต้นของหัวใจมาแทนตัว w ดูเป็นกิมมิคที่เก๋ดี)

(ขอบคุณพี่หนึ่ง @Adyn_Dtrio ที่ให้คำปรึกษาและช่วยถอดเสียงคำในภาษาโปแลนด์ค่ะ)

 

 

 

 

 

จากที่ได้เล่าไปในเอนทรี่ก่อนหน้าที่เขียนถึงเรื่อง Life feels good ว่าวิชา Contemporary Film (ภาพยนตร์ร่วมสมัย) มีแอสไซน์เมนท์ให้ไปดูหนังในเทศกาลภาพยนตร์โปแลนด์เรื่อง Gods (ชื่อในภาษาโปแลนด์คือ Bogowie แปลว่าพระเจ้าเหมือนกัน) – สารภาพกันตามตรง พอขึ้นชื่อว่าเป็นหนังเทศกาล ได้รางวัลมาหลายรายการ ประกอบกับเรื่องย่อที่ได้อ่านแล้ว ก็คาดคะเนไว้ว่ามันคงเป็นหนังดีแหละ น่าจะดีประมาณหนึ่งเลยถึงได้รางวัลและถูกเลือกมาฉายในเทศกาลหนังหลายประเทศรวมถึงที่ไทยด้วยแบบนี้ (ที่ใช้คำว่าประมาณหนึ่ง เพราะคำว่าดีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ไม่เท่ากัน มีหลายครั้งที่เราดูหนังที่หลายคนบอกว่าดี ดีมาก ดีมากเลย ด้วยความรู้สึกว่า อืม มันก็ดีอะ แต่มันก็ไม่ได้ดีมากขนาดนั้น จะไม่บอกนะว่าเรื่องนั้นคืออตสตล. (ฮา) เพราะฉะนั้น หนังเทศกาลและหนังรางวัลหลาย ๆ เรื่องเราจึงเลือกใข้คำว่าดีประมาณหนึ่งเพื่อเว้นช่องว่างไว้ให้รสนิยมของคนฟังต่อไป) แต่คำว่าหนังดีกับหนังสนุกมันเป็นคนละเซ็ตที่ยูเนียนกันอยู่ หนังบางเรื่อง โดยเฉพาะหนังรางวัล หนังเทศกาล มักจัดอยู่ในหนังดี แต่เป็นเซ็คชั่นฝั่งหนังดีที่เป็นแค่หนังดี – เลยประเมินเรื่องก็อดส์ หนังชีวประวัติ (ผสมดราม่า) ของคุณหมอที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายหัวใจในโปแลนด์ ว่าคงเป็นหนังที่จัดเข้าเซ็ตหนังดีนั่นล่ะ แต่พอไปดูแล้วถึงรู้ ว่าเรื่องนี้มันอยู่ตรงอินเตอร์เซ็คชั่นของหนังดีกับหนังสนุกชัด ๆ เลย

 

ความประทับใจของหนังเรื่องนี้ นอกเหนือไปจากการที่เป็นหนังดีที่ได้รางวัล โดยไม่มีฉากเปลือยแพลมออกมาบ้าง หรือมีเรื่องเซ็กส์ ความรุนแรง ยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง (สังเกตดูว่าหนังรางวัลหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะที่ได้รายการใหญ่ ๆ อย่างออสการ์หรือโกลเด้นโกลบ คานส์ เบอร์ลิน เวนิซ ก็มักจะมีฉากที่กล่าวมาอยู่) ก็อยู่ตรงที่การนำเสนอตัวตนของคุณหมอซบีเนียฟ เรลิก้า (Zbigniew Religa) แพทย์คนแรกของโปแลนด์ที่ทำการปลูกถ่ายหัวใจสำเร็จ ของผู้กำกับ ที่ไม่ได้ทำให้ก็อดส์เป็นหนังชีวประวัติ เชิดชูเกียรติ คุณูปการ ความยากลำบาก ความพยายาม ว็อทเอเวอร์ ของคุณหมอ ไม่ได้ตัดสินคุณหมอเรลิก้าว่าเป็นคนดีหรือไม่ แต่เป็นการโยนข้อมูลและเหตุการณ์ใส่คนดู เพื่อให้ใช้วิจารณญาณและตั้งคำถามเอาเองว่า ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นมานั้น คุณหมอเรลิก้าทำถูกไหม เหมาะสมหรือเปล่า คุณหมอเรลิก้าเป็นคนดี หรือแค่เป็นคนที่มีฝีมือและความมั่นใจ – หนังไม่ได้ตัดสินใจแทนคนดูอย่างหนังชีวประวัติหลาย ๆ เรื่องที่จะออกมาในเชิงโน้มน้าวใจ สร้างความรู้สึกทางบวกต่อบุคคลเจ้าของเรื่องในกับคนดู (หนังชีวประวัติที่นำเสนอข้อมูลแล้วให้คนดูตัดสินใจเองอีกเรื่องที่รู้สึกว่าดีมาก ค่อนข้างสนุก และอยากแนะนำ คือเรื่องเพชฌฆาต (The Last Executioner) นำแสดงโดยคุณวิทยา ปานศรีงาม)

ดูอย่างผิวเผิน ความพยายามที่ค่อนไปทางดันทุรังหน่อย ๆ ของคุณหมอเรลิก้า น่าจะเกิดจากการตายของเอวา คนไข้เด็กในความดูแลของคุณหมอที่เสียชีวิตระหว่างผ่าตัดเนื่องจากหัวใจไม่แข็งแรงพอที่จะทำงานต่อได้ และคุณหมอเรลิก้ารู้ว่าการปลูกถ่ายหัวใจคือการรักษาที่ดีที่สุดในเคสนี้ – แต่เมื่อเรื่องราวดำเนินต่อไป ทั้งการพยายามที่จะสร้างคลินิคเฉพาะทางสำหรับรักษาโรคหัวใจในเมืองซาเบรซ์ การทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินทุนเข้ามาสานต่อ ความดันทุรังจะผ่าตัดแม้ว่าจะทำให้คนไข้ตายหลังจากผ่าตัดไปแล้วถึง 3 ราย (และถ้านับรวมผู้บริจาคด้วย…

View original post 540 more words

Posted in Writing

[WIW: RRC] Choose Your Duty

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ

avatar.org

World is War: The Republic of Russia-China

.

.

.

Word count: 631

.

.

.

Sub Event 1:Choose Your Duty

.

.

.

1.

.

วลาดิเมียร์รักหมา หลายครั้งที่เขารักหมามากกว่าคน เขาเคยมีเยอรมันเช็ฟเฟิร์ดตัวหนึ่งเป็นของขวัญวันคริสต์มาสจากพ่อแม่เมื่อเริ่มย่างเข้าสู่วัยรุ่น วลาดจำได้ว่าเขาเคยบอกว่าอยากได้หมาใหญ่ เขาอยากได้หมาใหญ่มาตลอดตั้งแต่จำความได้ เนื่องด้วยพวกมันดูน่าจะมีประโยชน์ ออกจะเป็นแนวคิดแบบ functionalist (ผู้ถือคติคำนึงประโยชน์) โดยไร้อารมณ์ไมตรีจิตอยู่สักหน่อย แต่วลาดก็คิดเช่นนั้นจริง ๆ

.

เยอรมันเชฟเฟิร์ดตัวนั้นได้รับการตั้งชื่อว่าอีวานส์ เป็นชื่อโหล ๆ ชื่อหนึ่ง เพราะวลาดชอบชื่อนี้มาตลอดและนึกชื่ออื่นไม่ออกแล้ว—เขาเป็นคนไร้เซนส์ในการตั้งชื่อ อีวานส์อายุเพียงหนึ่งเดือนตอนที่พ่อแม่พามันมาที่บ้านในวันคริสต์มาส มันอ่อนวัยมากเสียจนวลาดเคยเกรงว่ามันจะไม่รอด แต่มันก็เติบโตได้ด้วยดีหลังจากผ่านการดูแลอย่างใกล้ชิด

.

วลาดเพิ่งย้ายโรงเรียนใหม่ ๆ ตอนที่ได้อีวานส์มา ในช่วงนั้นเขาถูกแกล้งที่โรงเรียน คาดว่าเพราะยังไม่สูงมากนัก และค่อนข้างรูปร่างเก้งก้างกว่าคนอื่น ๆ ในห้อง อีกทั้งยังมีปฏิกิริยารุนแรง บัดนี้เมื่อนึกย้อนกลับไป วลาดมักจะคิดว่าหากเขาตอบโต้ด้วยอาการเพิกเฉยกว่านี้ ก็อาจไม่โดนกลั่นแกล้งอยู่นานขนาดนั้น แต่เพราะว่าเขามักจะโต้ตอบ มักจะพยายามสวนกลับ และเกลียดการถูกบังคับให้ก้มหัวให้คนอื่น คนเหล่านั้นจึงแกล้งหนักข้อยิ่งขึ้นทุกขณะ—อย่างไรก็ตาม อีวานส์เป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียวที่วลาดมีในช่วงเวลานั้น

.

เขาจำได้ว่าเมื่ออีวานส์เริ่มแข็งแรงเพียงพอ เขาก็เก็บเงินค่าขนมส่วนหนึ่งมาซื้อเนื้อถูก ๆ มาผูกติดเข้าไปหุ่นไล่กาของที่บ้าน ผูกติดเข้ากับจุดสำคัญ – ลำคอ ท่อนขา ใบหน้า ท่อนแขน  และใช้ฟางมัดให้รูปร่างของหุ่นไล่กาเหมือนคนยิ่งขึ้นกว่าเดิม หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ สอนให้อีวานส์รู้ว่าควรกัดเนื้อที่ไหน ในตอนนั้นพ่อกับแม่เคยสงสัยว่ามันจะได้ผลหรือไม่ วลาดก็บอกให้ทั้งคู่รอดูก่อน สุดท้ายเขาก็พบว่าเป็นวิธีที่นำมาประยุกต์ใช้ได้ผลดีกับการฝึกให้อีวานส์โจมตีตามคำสั่ง จุดสำคัญคือต้องให้สัญญาณคำสั่งที่ชัดเจนตั้งแต่ต้น

.

สำหรับปีค.ศ. 2100 นี้ วลาดคิดไว้อยู่แล้วว่าเขาอยากเข้าหน่วยฝึกสุนัขทหาร แต่เขาก็ยังลังเล กระนั้นหลังจากได้แวะไปโรงเรือนสุนัขทหาร เขาก็ตัดสินใจได้

.

_

.

เขากลัวตาย นั่นเป็นเรื่องแน่นอน

.

เขาเคยผ่านประสบการณ์กู้ระเบิดมาก่อน เคยนึกภาพตัวเองไร้ศพส่งกลับไปที่บ้าน การที่มือไม่สั่นในสถานการณ์เช่นนั้นกลับเป็นความทรงจำที่เขาให้ค่า เขาคิดว่าหากต้องตรวจระเบิดโดยมีจมูกของหมาชี้นำนั้นก็คงจะดีไม่น้อย อันที่จริงเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาหลงใหลอาชีพทหารก็เพราะหากเขาตาย มันคงเป็นการตายที่น่าสนใจ มันจะน่ากลัวเพราะเขากลัวความตาย แต่มันจะน่าสนใจ

.

เขานึกถึงการที่ทหารเคยใช้หนังของเก้าอี้ที่คนถูกสอบสวนมาเก็บไว้ในขวดโหล เพื่อให้หมาตามดมเผื่อในกรณีที่มีการหลบหนี

.

เขานึกถึงโจรที่เคยขึ้นบ้านของเขา และโดนอีวานส์กัดจนนิ้วขาด

.

เขานึกถึงอีวานส์ที่ตายไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้ว

.

เขาถวิลหามิตรภาพที่มาพร้อมกับความรู้สึกปลอดภัย

wiw_vladimir_sub_mission2

RUS_wiw_vladimir2

The End.