Posted in Writing

[WZD] ความไม่คุ้นชิน

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของpasted image 0.png

 

Pairing: Vasilios Argyris/Sylem Dagile

Rating: PG

 

 

_

 

 

 

ความไม่คุ้นชิน

 

หากนึกย้อนไปตอนนี้ เสี้ยวหนึ่งของวาซิลิออสคิดว่ากับไซเลม ดาไจล์นั้นเป็นความรู้สึกที่ชวนสบายและเป็นมิตรตั้งแต่แรกเห็น และส่วนที่เหลือเป็นเพียงเหตุผลที่เขาสร้างขึ้น โยงใยจนออกมาเป็นรูปร่างในที่สุดว่าทำไมเขาถึงรักคนคนนี้ แต่หากว่ากันตามจริงแล้ว มันก็ซับซ้อนกว่านั้น เวลาที่เขาสังเกตใครในทีแรก สัญชาตญาณที่จะทำเป็นอย่างแรกคือสังเกตภาพที่ผ่านมา แล้วก็ผ่านไป—เหมือนกับทุก ๆ อย่างที่เข้ามาในชีวิต

เขาเรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำ ไม่ได้คิดจะลงวิชาฝึกบินด้วยไม้กวาดในปีแรกหรือปีที่สอง เขามองว่ามันเป็นอะไรที่เริ่มทำในปีที่สามก็ได้ หลังจากนั้นถึงจะเริ่มใช้มันจริงจังในช่วงที่ทำงานหลังเรียนจบ

ชีวิตนักเรียนช่วงปีหนึ่งและสองของเขาที่ Wizardry Academy… สิ่งที่จำเป็นในการมีชีวิตอยู่นั้น ช่างมีน้อยนิดเหลือเกิน

เหตุผลที่ว่าจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร ก็น้อยยิ่งกว่า

_

ถ้าหากว่าเขาไม่ได้เริ่มออกมาเดินเล่นในโรงเรียนยามเช้ามืดของช่วงปีสาม ก็อาจไม่มีโอกาสได้คุยกับอาจารย์ดาไจล์จนกระทั่งเรียนจบไปเลยก็ได้ เขาคิดแบบนั้น

ในเวลาเงียบเหงาที่คาดว่าจะไม่ได้พบใครนั้น อาจารย์ก็ส่งเสียงจากหลังเสาบอกทักอรุณสวัสดิ์ ด้วยเสียงยานคางราวกับวิญญาณหลอน

“อรุณสวัสดิ์ครับ อาจารย์ดาไจล์… ตื่นเช้าจัง”

“นี่ไม่ใช่ดาไจล์ นี่คือเสา… เสาไม่มีวันหลับ”

“ง… งั้นเหรอครับ” วาซิลิออสเอ่ยอย่างเสียมิได้ เสียงอาจารย์ชัด ๆ แต่… เสาก็เสา “แล้วทำไมคุณเสาไม่หลับไม่นอนล่ะครับ หรือว่าแค่ตื่นเช้า”

“เสาเดินมาผิดบ้าน ทางมันมืด ๆ  เสาตาลาย… ที่นี่บ้านอะไร”

เสียงแบบนี้ เมาเหรอ… อาจารย์นี่น้า “บ้านแกะตัวผู้ครับ” วาซิลิออสกระแอม “เอ่อ… ตาลายสินะ คุณเสาเอาน้ำไหม” หลังจากนั้นเขาก็แว่วเสียงพึมพำว่า ‘เดินผิดอีกแล้ว’ ก่อนที่ ‘คุณเสา’ ที่ว่าจะขอน้ำและบอกห้ามไม่ให้บอกใครว่าเจอเสาที่นี่ วาซิลิออสจึงตอบไปว่า “ได้ ไม่บอกใครหรอกคร้าบ ผมไม่ได้สนิทกับใครปานนั้นสักหน่อย” เขายืดเส้นยืดสาย “คุณเสารอตรงนี้ห้ามขยับไปไหนนะครับ เดี๋ยวไม่ได้ดื่มน้ำนะ” เขากล่าวราวกับสอนเด็ก ๆ ก่อนจะผละไปเอาน้ำมาแก้วหนึ่ง เมื่อกลับมาก็ใช้หางของตนวางแก้วนั้นลงบนพื้น หางของเขาเลื่อนแก้วให้อีกฝ่ายแบบไม่ต้องเห็นหน้ากัน

“งั้นว่าง ๆ มานั่งคุยกับเสาไหม เสาว่างมาก ๆ”

“ได้สิครับ ผมก็ว่างมาก ๆ เหมือนกัน” เขาเอนกายพิงเสาแล้วไถร่นกายนั่งลง แล้วถอนหายใจ “เปิดเทอมคนยังย้ายกันมาไม่หมดเลย แต่ก็ชอบอยู่ที่นี่มากกว่าบ้านล่ะ… แล้วคุณเสาว่างแบบนี้ไม่เหงาหรือครับ”

“งี้แหละตอนใกล้เปิดเทอม เดี๋ยวคนก็เยอะ  ‘คุณหาง’ ก็จะไม่เหงาแล้ว เสาเหงามาก แต่นักเรียนเริ่มจะมากันแล้ว คงจะไม่ว่างในเร็ว ๆ นี้… ซึ่งดีแล้ว”

เขาถดหางกลับมาให้พ้นสายตาเมื่อโดนเรียกด้วยชื่อใหม่ จะเรียกว่ากระดากก็คงใช่ ถ้อยประโยคเหล่านั้นชวนให้วาซิลิออสนึกสงสัยว่าเขาดูเหงารึเปล่า สำหรับเขาแล้วการที่ ‘ดูเหมือนเหงา’ กับ ‘รู้สึกเหงา’ นั้นไม่เหมือนกัน แต่เอาเข้าจริงจะเป็นแบบไหนก็ไม่สำคัญสักเท่าไร ที่น่าสนใจมากกว่าคือ ส่วนหนึ่งเขามองว่าการที่ผู้ใหญ่คนหนึ่งจะพูดออกมาอย่างง่ายดายว่าเหงามากนั้นเป็นเรื่องแปลกดี ตามปกติแล้วยามที่คนเราโตขึ้น ก็ยิ่งจะอยู่ในสถานการณ์ที่พูดความรู้สึกตัวเองยากขึ้น และหากจะพูดออกมา ก็จำต้องหาเหตุผลมาชี้แจงว่าเพราะอะไรถึงรู้สึกแบบนั้น มิเช่นนั้นแล้วความรู้สึกทั้งหมดนั่นจะไม่เป็นที่ยอมรับ

เขาคิดว่า โลกที่เขาอยู่เป็นแบบนั้น เขาคิดว่า คุณเสาเป็นคนที่แปลกในโลกของเขา กระนั้น ก็เป็นความแปลกที่ชวนให้รู้สึกเบาตัวลงอย่างประหลาด

_

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาก็ออกมาดูดาวกลางดึก และก็เป็นอีกครั้งที่ได้ยินเสียงทักจากเงามืด

“ไม่หลับไม่นอน”

“คุณเสา… หรือครับ”

“คุณหางไม่ยอมนอนอีกแล้วนะครับน่ะ”

เอ๊ะ เสียงวันนี้ไม่ได้เมานี่ วาซิลิออสคิด ในวันนี้อาจารย์ดาไจล์ไม่ได้ยืนอยู่หลังเสา แต่ก็มืดจนยากจะมองเห็นคุณเสาได้ชัด แต่กลายเป็นหวั่นเกรงระคนประหม่าหากอีกฝ่ายจะเห็นเขาเข้าเต็ม ๆ เสียอย่างนั้น พวกเขาคุยกันเรื่อยเปื่อย พูดถึงดวงดาวบ้าง บางอย่างก็ไม่ใช่อะไรที่เขาไม่เคยคุยกับคนอื่นมาก่อน แต่เนื้อหากลับแตกต่างออกไปจากทุกอย่างที่เคยพบมาเสียหมด

มีครั้งหนึ่งที่คุณเสากล่าวกับเขาว่า “การที่เราไม่สบายใจอะไรแล้วบอกออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือหรือไว้ใจ มันเรียกว่าการเปิดใจน่ะ”

วาซิลิออสได้แต่เงียบไป ฟังไปก็อดที่จะเหงื่อตกนิด ๆ ไม่ได้ “การเปิดใจมันน่ากลัวสำหรับคุณหางน่ะ นี่ยอมบอกเพราะว่าเป็นถึงคุณเสาหรอกนะคร้าบ” เขาว่าพลางยกนิ้วชี้ขึ้นแตะริมฝีปากเป็นเชิงบอกว่านี่เป็นความลับ “คุณเสาสมัยเป็นนักเรียนเนี่ย… เป็นคนยังไงกันนะครับ หากผมจะขออนุญาตถามล่ะก็”

“ถามได้ ความสงสัยไม่มีความผิด”

การคุยในช่วงเวลาแบบนั้น จะเรียกว่าเริ่มกลายเป็นความเคยชินก็ไม่ใช่ อันที่จริงแล้วทุกอย่างถือว่าตรงข้ามกับความเคยชิน เขาไม่เคยรู้ว่าคำพูดและคำนิยามบางอย่างสามารถได้รับการบรรยายออกมาอย่างง่ายดายในแบบที่คุณเสาทำได้ด้วย

ช่วงเวลาเหล่านั้นอาจเป็นระเบิดเวลา อีกไม่ช้านานอาจารย์ดาไจล์ก็จะรู้ว่าเขาไม่มีความเข้าใจในเรื่องแบบนี้เลย หรือบางทีเขาอาจจะโดนจับได้แล้วก็ได้

เขาไม่รู้ว่าปกติคนเราเปิดใจยังไง

เขาไม่รู้ว่าจะสงสัยอะไรยังไงโดยที่จะไม่ทำพลาด

_

หากถามว่าเริ่มตกหลุมรักเมื่อไร จนถึงบัดนี้วาซิลิออสก็อาจจะยังชี้แจงไม่ได้ (แต่เขาจำได้ว่ารู้ตัวเมื่อไร—วันที่ดูดาวตกด้วยกันนั้น) แต่หากในเรื่องว่าเริ่ม ‘ชอบ’ เมื่อไร เขาพอจะจับจุดได้อยู่ แม้ว่าตอนนั้นจะไม่ได้รู้ตัวเป็นพิเศษ

“อยาก—อยากให้อาจารย์พาบินไปดูดาว” วาซิลิออสทำสัญลักษณ์มือบินขึ้นประกอบ “แลกกับให้สั่งอะไรผมหนึ่งวันประมาณนี้ก็ได้ครับ” จะเรียกว่าต้องใช้ความกล้าในการขอไหม ก็คงใช่ แม้ในตอนนั้นเขาจะไม่ได้คิดอะไรมากความ แต่ก็พอจะรู้ว่าเป็นการรบกวน อาจถึงขั้นละลาบละล้วง ซึ่งเข้าใจได้หากอาจารย์ดาไจล์จะปฏิเสธ ความคิดของเขาในตอนนั้นก็เพียงแค่อยากจะดูดาวจากบนไม้กวาดอย่างที่อาจารย์ดาไจล์เคยบรรยายให้ฟังสักครั้ง แต่โดยปกติ ร้อยทั้งร้อย ทุกคนย่อมต้องการสิ่งตอบแทน เขาไม่อยากติดค้างอะไร จึงพยายามเสนอให้อีกฝ่ายขออะไรตอบแทน เขาไม่แน่ใจว่าเขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเลือกอะไร วาซิลิออสคงเพียงนึกภาพว่าจะเป็นอะไรสักอย่างที่เขาทำเพื่อเป็นผลประโยชน์ต่ออาจารย์ แล้วก็หายกันไป แค่นั้น

ในตอนแรกอาจารย์ดาไจล์บอกว่านึกไม่ออกนัก และพอวาซิลิออสพยายามย้ำเรื่องที่ว่าต้องมีค่าตอบแทน มิเช่นนั้นแล้วเขาจะรู้สึกค้างคา อาจารย์ก็เสนอมาในที่สุดว่า ให้วาซิลิออสไปทำอาหารให้และนั่งกินด้วยกันก่อนไปเรียนในยามเช้าเวลา 7 นาฬิกาของวันศุกร์วันหนึ่ง โดยย้ำว่าต้องทำมาด้วยตัวเอง เมื่อได้ยินดังนั้น วาซิลิออสก็เริ่มอิดออด อาจารย์ดาไจล์ดูจะมีแววเอ็นดูระคนเจ้าเล่ห์ขึ้นมา แล้วมอบโจทย์เมนูให้เขาด้วย ซึ่งทำให้ทุกอย่างดูยากขึ้นกว่าเดิม เพราะวาซิลิออสทำเป็นแต่เมนูง่าย ๆ เท่านั้นเอง

_

จนถึงตอนนี้ ‘พี่ไซเลม’ ของเขาจะรู้รึยังว่าทำไมตอนนั้นวาซิลิออสถึงไปเผลอชอบเจ้าตัวเข้า

อาจจะเพราะค่าตอบแทนของคำขอแบบเอาแต่ใจของเขา คือช่วงเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันมากขึ้น และพยายามดึงให้เขาทำอะไรใหม่ ๆ ที่อาจมีประโยชน์ต่อตัวเขาในอนาคตด้วยกระมัง

ไม่สิ แท้จริงแล้ว อาจจะไม่จำเป็นต้องพูดให้สวยหรูแบบนั้น เขาไม่คุ้นชินกับค่าตอบแทนที่ราวกับเป็นการมอบความสุขให้เขาด้วย ก็เท่านั้นเอง

The End.