* * *
The Nature of Crucifixion
Part Two
มีชายผู้หนึ่งกำลังจะตาย
เขาวอนขอให้เอากระสุนที่สลักชื่อของนายฝังลงไปในเนื้อของเขา
มีชายผู้หนึ่งกำลังจะตาย
เขาวอนขอให้เอามีดที่ย้อมเลือดของเขาฝังลงไปในแผ่นหลังของนาย
มีชายผู้หนึ่งกำลังจะตาย
เขาวอนขอให้พระเจ้าเอาวิญญาณหลอดหนึ่งของเขาฉีดเข้าไปในเลือดของนาย แลกกับการนำเลือดของนายมาพรมลงบนวิญญาณของเขา
_
เปลือกตาของบอนด์เปิดขึ้นช้า ๆ กล้ามเนื้อรู้สึกล้า ศีรษะมึนอึงเพราะยาสลบที่ได้รับก่อนหน้านี้
มีบางสิ่งบางอย่างเปลี่ยนไปจากเดิม
สถานที่
มีเตียงขนาดใหญ่ บอนด์กำลังสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสีดำที่ถูกตัดมาอย่างดี ไม่มีเนคไทหรือเสื้อนอก และเท้ายังคงเปลือยเปล่า
ห้องเป็นรูปเศษหนึ่งส่วนสี่ของวงกลม ผนังกระจกรูปโค้งเผยให้เห็นภาพท้องฟ้า – สีฟ้าจัดจ้า นัยน์ตาสีนภาตวัดมองเห็นกล้อง – หนึ่ง-สอง-สามตัว น่าจะมีอีกหนึ่งหรือสองเบื้องหลังช่องระบายอากาศบนเพดาน ข้างเตียงมีตู้กดน้ำเปล่าเล็ก ๆ ที่ติดตั้งช่องสำหรับหยิบแก้วกระดาษ ผนังด้านข้างเตียงมีนาฬิกาเรือนเดิมติดอยู่ นี่คือวันที่แปดนับแต่ซิลวาสวมลูกกรง—
สายลับ 007 ดึงความคิดออกจากจุดนั้นและปิดเปลือกตาลงชั่วขณะ เขาพบว่าเขาสามารถยันกายให้ลุกขึ้นได้ สายหนังสีดำที่ข้อมือยังคงอยู่ มีสายโซ่ความยาวประมาณ—หนึ่งฟุต—เชื่อมข้อมือทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน ยาวเพียงพอที่จะรัดคอใครได้ เช่นเดียวกับโซ่อีกสายที่ข้อเท้า ครั้งนี้เขาไม่ได้ถูกตรวนไว้กับเตียง
“รู้สึกสบายดีรึเปล่า มิสเตอร์บอนด์” เสียงหนึ่งดังขึ้นในรูหู
บอนด์สบถพระนามของพระเยซูคริสต์ แล้วหายใจเข้าเฮือกใหญ่ บัดซบ เขายกมือขึ้นแตะเทคโนโลยีชิ้นเล็กที่อุดหูขวาวูบหนึ่ง—
“เป็นสายลับระดับ 00 ทั้งที ไม่ว่าจะสถานการณ์ไหนก็ไม่ควรเอามืออุดหูนะ ที่รัก”
“ก็แค่ตรวจดูว่านายไม่ได้… เย็บมันเข้ากับหูฉัน หรืออะไรสักอย่าง” บอนด์พูดปัด ๆ กล้ามเนื้อบริเวณแก้มกระตุกทันทีที่ตระหนักว่าพูดอะไรออกไป
เงียบไปเพียงชั่วอึดใจ แล้วซิลวาก็ตอบเสียงนุ่มว่า “เป็นความคิดที่น่าดึงดูดใจ แต่ผมไม่อยากให้คุณมีอีกเรื่องให้วุ่นวาย ในเมื่อของขวัญที่ให้ไปก่อนหน้านี้ก็ต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นระยะอยู่แล้ว”
บอนด์ปิดปากเงียบ สูดหายใจเข้า และขยับกายลงจากเตียง หัวใจกระตุกไหวด้วยจังหวะประหลาดเมื่อฝ่าเท้าสัมผัสกับพื้น กรงเหล็กใต้เนื้อผ้ากางเกงให้ความรู้สึกหนักเพียงเล็กน้อย เขากวาดสายตาไปรอบห้อง ขณะเดินเข้าไปใกล้กระจกหน้าต่างรูปโค้ง แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาของซิลวาอยู่ในรูหู ซึ่งบีบให้กล้ามเนื้อบริเวณไหล่เกร็งขึ้นอย่างเสียมิได้
“ขังเดี่ยว” บอนด์เอ่ยขึ้น หาได้หมายให้มันเป็นประโยคคำถาม เหงื่อเย็น ๆ ซึมที่ฝ่ามือ ไม่มียามเฝ้าอยู่ในห้องใหม่บนตึกสูงนี้ เขาถูกปล่อยให้อยู่คนเดียวเป็นครั้งแรก ทว่าหูฟังและกล้องวงจรปิดกลับทำให้ความรู้สึกเหมือนกำลังโดนจับจ้องอยู่นั้นเฉียบคมขึ้น และบาดลึกยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ
“ผนังกระจกกันกระสุน แล้วก็ไม่ใช่ชนิดที่คนอื่นจะสามารถมองเห็นข้างในได้”
บอนด์ไม่ตอบ ดวงตาสีฟ้ามองลงไปข้างล่าง อันที่จริง เมื่อกะเอาจากขนาดของผู้คนที่เดินอยู่ด้านล่าง ตึกนี้ก็ไม่ได้สูงนัก เพียงแต่บริเวณนี้มีตึกทรงเตี้ยเสียมากจึงเปิดให้เห็นท้องฟ้าชัดเจน ภาพฟากฟ้าสีสว่างกระตุกดึงปมเส้นลวดในทรวงอกแผ่วเบา หากบอนด์ยังคงสีหน้าเรียบเฉยยามที่เสสายตากลับเข้าไปในห้อง
“นั่น—พ่อหนุ่มที่รัก—คือประตูห้องน้ำ แล้วนั่นคือประตูทางออก ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้เปิดให้คุณออกไป” ซิลวาอธิบายตามทิศทางสายตาของบอนด์ เขากล่าวต่อไปว่า “ในกรณีที่คุณพยายามหนี แม้ผมจะเห็นว่ามีโอกาสสำเร็จน้อยเพียงใดก็ตาม แก๊สยานอนหลับจะทำงานโดยอัตโนมัติ เช่นเดียวกับกรณีที่คุณพยายามทำร้ายตัวเอง อย่างไรก็ตาม ผมหวังว่าคุณคงจะชอบทัศนียภาพของลอนดอนและเสื้อผ้าชุดใหม่ – ผมสังเกตว่าคุณออกจะชื่นชอบใส่อะไรที่พอดีตัว น่าจะทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้านมากขึ้น”
บอนด์หรี่ตาใส่กล้องวงจรปิดอันหนึ่ง “ฉันจะถอดไอ้นี่ออกล่ะนะ รำคาญหู”
“ถ้าจะถอดจริงก็ไม่เห็นต้องเอ่ยบอกผมล่วงหน้า หรือคุณกลัวว่าถ้าไม่บอกเลยจะทำให้โดนลงโทษหนัก มิสเตอร์บอนด์?”
บอนด์กลอกตาขึ้นมองสีฟ้าของนภาวูบหนึ่ง ก่อนจะดึงหูฟังออกแล้วเหวี่ยงไปที่มุมห้องอีกฟาก
ปมลวดที่อยู่ในทรวงอกของเขารู้สึกเย็นวาบขึ้น
_
บอนด์ใช้เวลาสักพักหนึ่งสำรวจประตู และของใช้ทุกอย่างในห้องน้ำ ไม่มีสิ่งใดที่พอจะใช้เป็นอาวุธได้
ไม่มีกระจกให้ส่อง แต่บอนด์ก็รู้ได้ว่าเคราถูกโกนออกไปเรียบร้อยระหว่างที่โดนยาสลบอยู่ เพราะสัมผัสเรียบลื่นที่คาง เขาเลื่อนมือไปแตะเส้นผม ซึ่งดูเหมือนจะสั้นลงนิดหน่อยด้วย ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าซิลวาช่างใส่ใจตกแต่งตัดเล็มคนในโอวาทให้ออกมามีลักษณะที่ตนเองต้องการโดยแท้
นัยน์ตาของบอนด์เหลือบดูหูฟังชิ้นกระจิดริดตรงมุมห้องเป็นครั้งคราว บางคราเขาก็ทำเช่นนั้นโดยไม่รู้ตัว เพียงเพราะมันเป็นจุดสีดำเด่นตัดกับพื้นและผนังสีขาว
เขาค้นพบในเวลาต่อมาว่ามีช่องใต้ประตูที่เปิดออกเพียงไม่กี่วินาทีเพื่อสอดจานอาหารมาให้ – จานกระดาษและช้อนพลาสติก บอนด์เลือกที่จะเมินเฉยต่อมันโดยสิ้นเชิง แม้จะรู้ว่าซิลวาคงบังคับให้เขากินหลังจากนี้ แต่ก็ยังมิมีใจจะรับประทานสิ่งใด
ตัวเลขดิจิตอลสีแดงบนแผ่นนาฬิกาเคลื่อนต่อไป
ความหิวกลับช่วยคั่นความใส่ใจของบอนด์ที่มีต่อนาฬิกาเรือนนั้น
_
28 ชั่วโมงถัดมา บอนด์แว่วเสียงเบา ๆ จากหูฟังที่ถูกวางทิ้งไว้ มันเป็นทำนองเพลง ‘Boom Boom’ ของวง The Animals เมื่อเขาได้ยินเสียงเพลงนั้นเปิดวนเป็นรอบที่ห้า บอนด์ก็ตัดสินใจหยิบมันขึ้นมายัดหู พลางว่า “ช่วยบอกทีว่าบังเอิญตอนนี้นายกำลังจะตาย”
“Boom boom boom boom! I like the way you walk, I like the way you—ปี๊บ—เปล่า เสียใจด้วยนะ ผมแค่อยากถามว่าคุณจะชอบมากกว่ารึเปล่า หากผมใช้วิธีตัดขาดประสาทรับรู้ ทำให้คุณมองไม่เห็น ไม่ได้ยินเสียง สัมผัสอะไรไม่ได้ โดยที่ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนหรือจะจบลงเมื่อไร ไม่เกิน 24 ชั่วโมงคุณก็จะเริ่มเห็นภาพหลอน – ลูกเล่นของสมองมนุษย์เราไงล่ะ เพียงเวลาไม่นานก็พร้อมจะสร้างภาพขึ้นมาทดแทนสัมผัสรับรู้ที่ถูกพรากไป แล้วเชื่อเถอะว่า 40 ชั่วโมงผ่านไปคุณจะ… ดีใจมาก… เมื่อผมปลดปล่อยคุณจากสภาพนั้น และจะโผเข้ามาอยู่ในอ้อมอกผมเลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้นชั่วชีวิตนี้คุณก็จะทนความเงียบไม่ได้ ทนแม้กระทั่งห้องที่ถูกทาสีขาวล้วนไม่ได้” ความเงียบอันน่าอึดอัดเข้าแทรกอยู่อึดใจหนึ่ง “คุณจะหวาดกลัวการอยู่คนเดียวพอ ๆ กับหวาดกลัวผู้คน”
บอนด์เม้มปาก “นั่นคือสิ่งที่นายเจอที่ประเทศจีนตอนนั้นรึไง” เขาค้นพบว่าการพูดคุยโดยไม่ได้เห็นหน้าอีกฝ่ายนั้นให้ความรู้สึกเหมือน… ถูกแยกออกจากความเป็นจริงอย่างยากจะอธิบายได้
ความเงียบผ่านไปประมาณห้าจังหวะการเต้นของหัวใจ “ถ้าคุณอยากรู้… ก็ใช่ แล้ว… คุณก็ยังไม่ได้ตอบคำถามของผมอยู่ดี”
ดวงตาสีฟ้ากะพริบถี่ ๆ บอนด์หันไปในทิศที่กล้องน่าจะส่องเห็นหน้าได้ชัดเจนน้อยที่สุด “ฉันจะชอบมากกว่าถ้าไม่ต้องเห็นหน้านายอีก”
“หืมมม์”
ผู้ฟังแทบได้ยินรอยยิ้มจากสุรเสียงของซิลวา
“ผมไม่คิดจะให้คุณเห็นหน้ามนุษย์คนไหนอีกสักพัก นอกจากผม เพราะฉะนั้นหากคุณไม่เห็นหน้าผม คุณก็คงไม่ได้เห็นหน้าใคร อ้อ—จะว่าไปแล้ว คิวที่รักของพวกเราได้พยายามแกะรอยวิธีการทำงานของผมแล้วเกือบเจอรังเก่าที่เราเคยอยู่ แต่พลาด ตอนนี้เขาต้องกลับไปตั้งต้นใหม่” ซิลวาบอก “ใช่ว่าคุณจะสามารถทำอะไรได้ แต่บอกคุณไว้ก็ไม่เสียหลาย แล้วไว้คุยกันนะ มิสเตอร์บอนด์ อย่าลืมกินอาหารมื้อต่อไปด้วย เก็บแรงเผื่อเอาไว้ไง ที่รัก”
บอนด์ไม่ตอบ แต่ครั้งนี้เขาปล่อยเทคโนโลยีชิ้นเล็ก ๆ ให้อยู่ในรูหูเฉกเดิม
_
บอนด์ตัดสินใจฝึกฝนร่างกายเล็กน้อย ด้วยเล็งเห็นว่าเป็นสิ่งสมควร หากบอนด์มิได้จินตนาการไปเอง เขาคิดว่าตัวเองเหนื่อยยากกว่าช่วงที่เกิดเรื่องสกายฟอลล์ บางอย่างในตัวเขาพยายามยื้ออยู่กับการมีชีวิต บางอย่างเกี่ยวกับที่นี่ทำให้เขาเกือบลืมคิดถึงแอลกอฮอล์ บางอย่างกำลังทำให้เขาก้าวผ่านความจริงที่ว่าเขาปกป้องเอ็มไว้ไม่ได้ บางอย่าง—
ซิลวา
หากจะพูดให้ถูกก็คือ ซิลวาทำให้เขารู้สึกว่าหากอีกฝ่ายยังรอดจากเรื่องราวในอดีตกาล เขาก็ต้องอยู่ได้ แล้วจะต้องรอดออกไปแบบที่—
บอนด์ปาดเหงื่อออกจากหางคิ้วหลังจากซิทอัพเสร็จ
—เขาจำเป็นต้องเชื่อว่าตัวเองจะไม่หักสลาย
_
ชั่วโมงที่ 39 นับแต่บอนด์ตื่นขึ้น อาหารจานล่าสุดที่เขาได้รับเริ่มพร่องลงไปบ้าง
“แล้ว…” จู่ ๆ ซิลวาก็ปริปากพูดหลังจากเงียบมานาน
บอนด์สะดุ้งเล็กน้อยอย่างมิอาจปิดบัง เขากำลังนั่งบนพื้นทอดสายตามองการเคลื่อนไหวด้านล่าง ไหล่ข้างหนึ่งพิงอยู่กับผนังกระจกอันเย็นเยียบ
“เซวารีนพูดอะไรเกี่ยวกับผมบ้างหรือ ตอนที่คุณได้พบเธอ”
บอนด์เหลือบขึ้นมองกล้องวงจรปิดที่อยู่ใกล้เขาที่สุด “เธอบอกว่าไม่มีความกลัวประเภทไหนเหมือนกับนาย”
“แล้วคุณคิดว่าเธอพูดถูกรึเปล่า”
เงียบไปเพียงไม่กี่ลมหายใจ
“ประเภทอย่างนายน่ะ หาที่ไหนก็ได้”
“โอ้ มิสเตอร์บอนด์” ซิลวากล่าว “คุณนึกว่าตัวคุณดีกว่าผมมากนักเลยสิท่า”
“ฉันไม่จำเป็นต้องนึกเพื่อที่จะรู้ว่าฉันดีกว่านาย” บอนด์ตอกกลับเสียงหนัก
“คุณรู้ว่าเซวารีนได้… เอ้อ… ถ้าจะใช้คำที่คนเขาโจษขานกัน ก็เรียกว่าเธอถูกทารุณทางเพศ แล้วคุณคิดว่าวิธีที่ดีที่สุดในการเข้าหาเธอคือการเข้าไปรุกรานเรียกร้องเซ็กซ์จากเธอในห้องอาบน้ำ? โดยที่เธอไม่ทันตั้งตัวหรือ”
“มีกล้องอยู่ที่นั่นด้วยสินะ” บอนด์ว่า “เธอไม่ได้ทำอะไรที่ฝืนความต้องการของเธอ ตอนที่เธออยู่กับฉัน”
“คุณน่ะคิดว่าคุณไม่ได้ทำอะไรที่ไม่สมควร เธอนั้นถูกกดขี่ทางเพศตั้งแต่ตอนเพิ่งย่างเข้าสู่วัยรุ่น เธอไม่มีภาพจุดยืนแน่นอนหรอกว่าปกติแล้วสิ่งที่ไม่สมควรคืออะไร ผมค่อนข้างแน่ใจว่าผู้หญิงจำนวนมากไม่เห็นว่าการบุกรุกเข้าไปในห้องอาบน้ำโดยไม่บอกกันถือเป็นเรื่องเย้ายวนใจ แต่คุณดูจะคิดว่าการใช้เซ็กซ์ในการปลอบโยนจิตใจผู้หญิงเป็นเรื่องปกติ—”
“ฉันไม่เหมือนนาย ไอ้บัดซบ” บอนด์สวนกลับไปด้วยน้ำเสียงดังขึ้น
“อ๊ะ ๆ ไม่มีเหตุต้องเดือดกัน เจมส์” ซิลวาพูด “ผมไม่ได้กล่าวโทษอะไร ผมเพียงแต่ต้องการบอกว่า… หนูน่ะไม่จำเป็นต้องเข้าใจว่าต้นมะพร้าวมันโตขึ้นมาอย่างไร ไม่จำเป็นแม้แต่จะต้องเข้าใจหนูด้วยกันเองเสียด้วยซ้ำ ในเมื่อกลายเป็นหนูที่กินพวกเดียวกันไปแล้ว”
บอนด์นิ่งเงียบไป เขาได้ยินสุ้มเสียงกร่อกแกร่กจากการพิมพ์บนแป้นคอมพิวเตอร์ “นายกำลังดำเนินแผนอะไรอยู่ล่ะตอนนี้” เขาหาได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะตอบอย่างสัตย์จริง แต่ก็พอหวังจะได้รับรู้บางสิ่งที่เป็นประโยชน์
“พยายามแกะรอยการทำงานของ Q branch ดูบ้าง—แต่จงอย่าห่วง 007” ซิลวากล่าว “ผมยังทำอะไรไม่ได้เลย ขอตัวก่อนนะ เจมส์”
_
บอนด์จงใจเลี่ยงมองกล้องใด ๆ เมื่อเขาอยู่ในห้องอาบน้ำ
เขาจะเมินเฉยการอาบน้ำไปเสียทีเดียวก็มิได้ ในเมื่อรู้ว่ากรงที่กักกันท่อนกายตรงหว่างขาจำเป็นต้องได้รับการทำความสะอาด แล้วไม่ว่าจะเป็นอย่างไร นี่ก็คงดีกว่าการให้ซิลวาเป็นคนจัดการให้แบบตลอดเวลาที่ผ่านมา
หูฟังถูกถอดวางไว้นอกห้องอาบน้ำ บอนด์นึกพิจารณาอยู่ตลอดเวลาระหว่างที่ชำระล้างร่างกายว่าควรโยนมันทิ้งโถส้วมเสียให้รู้แล้วรู้รอดดีไหม ในเมื่อซิลวาไม่ได้ปล่อยให้เขาได้ยินเสียงภายนอก หรือเสียงใด ๆ ที่พอเอามาอนุมานข้อสรุปที่น่าจะเป็นประโยชน์ได้
ข้อมูลหลักอย่างเดียวที่มีคือคำพูดของซิลวา ซึ่งบอนด์มิแน่ใจนักว่าเขาปรารถนาที่จะรับฟังเสียงนั้นต่อไปเรื่อย ๆ ทว่า เมื่อจัดการอาบน้ำเสร็จ เขาก็ตัดสินใจหยิบหูฟังนั่นมาใส่อีกครา
“อันที่จริงมันกันน้ำนะ คุณจะใส่มันตลอดเวลาเลยก็ได้” ซิลวากล่าวขึ้นทันที
เรื่องสิ บอนด์คิด แต่ตัดสินใจเงียบเสียง
“มีชุดใหม่สอดมาให้จากช่องในห้องถัดไปแล้วนะ เจมส์ อาหารมื้อเย็นของคุณก็ด้วย”
_
บอนด์กลัวการนอนหลับยามอยู่ที่นี่ แต่เขาก็ฝืนได้ไม่เกิน 48 ชั่วโมง
เขาสะดุ้งตื่นอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงโซ่กระทบใบหู ดวงตาเบิกโพลง แลเห็นวงหน้าซิลวาอยู่ห่างปลายจมูกตนเพียงคืบเดียว
วินาทีต่อมาเขาผวาหนีและพยายามถีบอีกฝ่ายออกห่างพร้อม ๆ กัน วินาทีถัดจากนั้น เสี้ยวหนึ่งของสายโซ่ที่ตรวนข้อมือก็บาดเข้าที่โหนกแก้มของซิลวา แล้ววินาทีถัดมา สายโซ่นั้นก็ถูกขึงไว้เหนือศีรษะบอนด์ ติดกับแผ่นกระจกด้านหลัง
แสงไฟยามราตรีที่ส่องผ่านผนังกระจกกระทบกับเสี้ยวหน้าคมคร้ามของบุรุษสเปน ตัดกับความมืดในห้องที่อยู่ด้านหลังกายหนา ซิลวาดูประหนึ่งปิศาจที่ผุดผายออกมาจากความมืดทมิฬ
“ชู่ว… ชู่ว… พ่อหนุ่มที่รัก” ซิลวาเอ่ยเสียงเบา “อรุณสวัสดิ์ คุณนอนไม่เป็นเวลาเอาเสียเลย” หยาดเลือดไหลลงมาจากแผลเล็ก ๆ ที่โหนกแก้ม เขาเบนกายหันไปหานาฬิกาด้านหลังวูบหนึ่ง บัดนี้เป็นเวลา 2:47 นาฬิกา
ซิลวาใช้มือข้างที่ว่างปะป่ายมาบริเวณกลางลำตัวของบอนด์ แล้วกดบางเบาลงบนความแข็งของกรงที่อยู่ใต้เนื้อผ้ากางเกง เสียงโซ่จากข้อเท้าของบอนด์ดังขึ้นอีกคราเมื่อเขาพยายามตวัดขาสู้ แม้จะรู้ว่าเท้าข้างหนึ่งของซิลวาได้ตรึงให้มันอยู่กับที่เรียบร้อยแล้ว
‘วันที่สิบ—’ กลีบปากซิลวาขยับพูดโดยไร้เสียง ในจังหวะที่เขาแน่ใจว่าบอนด์มองหน้าเขาอยู่ ก่อนจะเปล่งเสียงกล่าวต่อ “—ที่คุณไม่ได้ถึงสวรรค์ ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่าไรหรอกเนอะ ถึงอย่างนั้นผมก็พูดไว้แล้วว่าอาจจะปลดล็อคให้ในวันที่สิบ น่าจะลองสักหน่อย…” เขาเอียงคอพินิจดูบอนด์ “แต่ท่าทางเจ้าหนูในโอวาทจะไม่ยอมไปที่เตียงดี ๆ…”
_
Boum!
Quand notre coeur fait Boum!
Tout avec lui dit Boum!
Et c’est l’amour
Qui s’éveille.
มีชายผู้หนึ่งร้องลำนำในกะโหลก
เพื่อไม่ให้เสียงระเบิด
ข้างนอก
ทำลายบทเพลง
มีชายผู้หนึ่งดื่มท่วงทำนองอันแตกหัก
เข้าไป
แล้วสูญเสียความเงียบไปตลอดกาล
มีชายผู้หนึ่งได้ยินเสียงระเบิด
ข้างนอก และข้างใน
มีชายผู้หนึ่งได้ยินเสียงระเบิด
ในกะโหลกของเขา
ดังรุนแรงกว่าที่ใด
_
รอยปื้นกลับมาที่ข้อมือบอนด์หลังการดิ้นรน
ซิลวาไม่ชอบใจเรื่องนั้นนัก แต่เขาพอใจเพียงพอที่ข้อมือของอีกฝ่ายถูกตรวนไว้กับเสาเตียงทั้งสองเรียบร้อยแล้ว เช่นเดียวกับข้อเท้า
กรงรูปทรงเดียวกับแก่นกายความเป็นชายวางอยู่ที่ข้างหมอน พร้อมกับกุญแจดอกหนึ่ง
ซิลวาคร่อมอยู่เหนือกายเปลือยเปล่าด้านล่าง พลางใช้สายตาดื่มด่ำผิวบริเวณลำคอไล่เรื่อยไปจนถึงต้นขาของสายลับหนุ่ม ซึ่งถูกเคลือบไปด้วยน้ำมันหอม นิ้วโป้งหยาบนวดวนแผ่วเบาบริเวณท้องน้อยอันสั่นเกร็ง บอนด์บีบปิดดวงตา ผงะศีรษะจมลงกับใบหมอน
หลังจากสิบวันที่ไม่ได้รับอนุญาตให้แข็งขืนได้อย่างเต็มที่ บอนด์ดูอดอยากความหฤหรรษ์อย่างน่าสงสารใต้สัมผัสของเขา ซิลวาใช้นิ้วรูดไปตามแก่นกายหนาสีชาด เฝ้าตรับฟังเสียงผู้ถูกแตะต้องพยายามสูดลมหายใจเข้าให้เต็มปอด
“ผมไม่ได้ปิดปากคุณนะ คุณได้รับอนุญาตให้ครางได้” ซิลวาบอก เพราะคนตรงหน้าดูเหมือนจะใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อเงียบเสียงตนเอาไว้ ประหนึ่งว่าการทำเช่นนั้นจะช่วยให้อารมณ์ราคะของเขาสงบลง ซิลวาบรรจงใช้เล็บนิ้วชี้กดเบา ๆ ที่ยอดท่อนกายสีสด บอนด์เปล่งเสียงหอบระคนสำลักในลำคอ หยาดสีขุ่นขาวปริ่มไหลออกมาจากความเป็นชาย แต่ซิลวาก็รวบบีบที่ฐานจุดอ่อนไหวเอาไว้ไม่ให้คนตรงหน้าเสร็จสม
ซิลวาสูดหายใจเข้า ซึมซับกลิ่นหอมหวานแห่งเนื้อหนังมังสา เอียงคอมองบอนด์ที่ยังคงปฏิเสธที่จะมองกลับมา พลางว่า “ผมบอกว่าจะปลดล็อคให้ แต่ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยให้คุณได้ถึงวันนี้นี่นา” แล้ว—โอ้ ดูลำคอของบอนด์ยามที่เขากลืนน้ำลายนั่นสิ
007 ผู้เข้มแข็ง ไม่ปรารถนาจะร้องวอนขอ และมุ่งมั่นที่จะหมางเมินต่อความกลัว แต่ดูเขาสิ ดูเขาดิ้นรนสิ
ซิลวาดึงกล่องหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อนอก เปิดและหยิบอุปกรณ์ข้างในออกมา – วงแหวนสีทองคล้องติดกับสายหนังสีดำเส้นเล็ก
บอนด์ยื้อสายโซ่ที่ตรวนข้อมือเพื่อพยายามดึงตัวออกห่างอีกฝ่าย—โดยสัญชาตญาณเสียมากกว่าด้วยความเชื่อว่าจะหนีจากซิลวาได้จริง ๆ
“ทีนี้… ผมขออนุญาตถามในเชิงสมมุติ…” ซิลวาเอ่ย ขณะสวมวงแหวนนั้นลงบนแกนกายความเป็นชายของอีกฝ่าย “คุณจะยอมพูดเว้าวอนรึเปล่า เจมส์ ในกรณีที่คุณแน่ใจว่าผมจะทำตามคำขอนั้น” ว่าเสร็จก็ดึงสายหนังให้รวบลูกอัณฑะแน่นเพียงพอที่จะทำให้การเสร็จสมเป็นไปได้ยาก เรียกลมหายใจกระตุกเฮือกหนึ่งจากบอนด์ ก่อนที่ซิลวาจะนาบทับกายลงบนลำตัวอีกฝ่าย กลีบปากหนาครึ่งหนึ่งของซิลวาเหยียดเป็นรอยยิ้ม และขยับกระซิบ “คุณจะพูดวอนขอความสุขสมรึเปล่า”
ซิลวาตระหนักดีว่าการสกัดกั้นไม่ให้ถึงจุดสุดยอดทั้งที่ถูกโลมเล้าโดยตรงนั้นย่อมสร้างความตึงเครียดทางจิตใจและสรีระ เขาพิศดูดวงตาสีนภาที่มองเพดาน แลเห็นหยาดน้ำเริ่มปริ่มขอบตาเมื่อซิลวาหมุนวนสะโพกอย่างเชื่องช้า กดและเสียดสีเนื้อผ้ากางเกงของตนกับแก่นกายแข็งขืนของร่างด้านใต้
“ไม่อยากตอบหรือ ว้า…” ซิลวากล่าว ยันกายขึ้นเว้นระยะห่างจากแผ่นอกบอนด์ ก่อนจะหยิบขวดน้ำมันหอมขวดเดิมที่ยังอยู่บนเตียงขึ้นมา ราดของเหลวลื่นลงบนฝ่ามือ แล้วไล้มันให้ทั่วทุกท่อนนิ้ว ขณะพินิจดวงตาสีลำน้ำที่มองกลับมาชั่วครู่ มีความกระสันอยากอยู่ในดวงตาของร่างเบื้องใต้เฉกที่หนูติดสัดพึงจะมี และมีบางสิ่งที่ใกล้เคียงกับความเกลียดชัง บางทีมันอาจจะเป็นความเกลียดชัง
แต่บอนด์เป็นพวกที่มาจากเงามืดเหมือนกับซิลวา เขาได้เรียนรู้ที่จะตัดแยกความรู้สึกที่จะกัดกินตัวเองเฉกเช่นความชังทิ้งไป เป็นเพียงหนูที่พยายามเอาชีวิตรอด ผู้ต้องเรียนรู้ที่จะกินเนื้อหนูด้วยกันเอง
ไม่ว่ามันจะเป็นเนื้อของตนเองหรือไม่ก็ตาม
“การฝึกสายลับ 00 นี่คงไม่ต่างจากสมัยที่ผมอยู่มากนักหรอกใช่ไหม” ซิลวาเปรยถาม ไล้มือไปตามท่อนขาด้านหลังของบอนด์ ก่อนจะเลื่อนปลายนิ้วไปไล้วนที่ปากทางคับแคบด้านล่าง ดวงตาสีฟ้าสวยปิดลงอีกครั้ง “อ๊ะ ๆ my dear golden boy… ผ่อนคลายสิ” เขาก้มลงมาขบกัดใบหูบอนด์ พลางสอดใส่เรียวนิ้วเข้าไป “พวกเขาฝึกคุณมายังไงบ้างนะ ให้พยายามพูดถ่วงเวลาในกรณีที่คิดว่าทาง MI6 กำลังดำเนินการส่งคนมาช่วย โดยไม่ปริปากสิ่งใดที่อาจเป็นอันตรายต่อองค์ราชินีและประเทศชาติเป็นอันขาด? ให้สู้รับมือและพยายามหาทางหนีอย่างถึงที่สุด?” ซิลวาใช้นิ้วที่สองเบียดแทรกเข้าออกเป็นจังหวะ “แต่หากในกรณีที่เล็งเห็นว่าตัวเองไร้ทางสู้และไร้ทางหนี ก็จงอย่าทำสิ่งใดที่อาจยุแหย่ให้ผู้จับกุมทำร้ายตัวเองไปได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพียงยอมโอนอ่อนรับการทุบตีทรมาน บลา ๆ ๆ… หรืออะไรเทือกนั้น—โอ๋ ๆ…” ซิลวาฉีกยิ้มขณะขบเม้มซอกคอคนที่ผวาเฮือกเมื่อเขาแทรกนิ้วเข้าไปลึกเพียงพอที่จะกดจุดอ่อนสะท้านภายใน และกระซิบว่า “อดทนไว้ นี่ไม่ใช่เพียงเพื่อความพอใจของผมหรอก แต่เพื่อตัวคุณด้วย” เขาแทรกนิ้วเพิ่มเข้าไปเป็นสามนิ้ว ลากมันเข้าออกช่องทางนุ่มร้อนด้วยจังหวะเนิบช้า
“ฮะ… อะ-อ๊ะ…” หน้าผากของบอนด์กดลงบนเนินไหล่อีกฝ่าย ทั่วทั้งไหล่ขึงเกร็ง ท่อนขากระตุกไหว
“ถ้ายอมเอาใจคุณเสียหมด มันก็จะเหมือนรสชาติมะพร้าวที่คุณกินจนเฝือน่ะสิ ใช่ไหม” ซิลวาพูด ขยับใบหน้าให้อยู่ในตำแหน่งที่สามารถแลกปลายลมหายใจกับริมฝีปากที่สั่นระริกของคนตรงหน้า ชิดใกล้ราวกับหมายจะจูบ แต่ซิลวาก็ไม่เคยทาบทับริมฝีปากพวกเขาเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเกือบจะเหมือนอะไรที่ตรงข้ามจูบเสียมากกว่า “นี่คือการฟื้นคืนชีพไง เจมส์ การฟื้นคืนชีพที่คุณอาจไม่รู้ว่าคุณต้องการ—โอ้ อย่ากัดปาก—” ซิลวาใช้นิ้วของมือข้างที่ว่างสอดเข้าไปในช่องปากอีกฝ่าย ไม่สะทกสะท้านกับฟันคมที่กดลงมา ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าบอนด์จงใจกัดเขาโดยตรงหรือเพียงแต่หาที่ระบายกันแน่ “—ผมล่ะอยากจะเก็บริมฝีปากล่างนั้นไว้ในโอกาสฤกษ์งามยามดีอื่น ๆ… แต่คุณยังถูกฝึกไม่ดีพอสำหรับการนั้น” ซิลวาเหยียดยิ้มดุจแมวเกียจคร้านขนาดย่อม
เขาดึงนิ้วออกจากช่องปากของบอนด์ ถอนนิ้วมืออีกข้างจากช่องทางสีเรื่อด้านล่าง แล้วค่อยยืดกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงในระยะที่ห่างเพียงพอจะไม่สัมผัสกายบอนด์ ซิลวาเอ่ยต่อ “ไม่ต้องทำหน้าสับสนหรอก เจมส์ที่รัก ผมเข้าไปในตัวคุณแน่… คืนนี้…” ซิลวาทาน้ำมันหล่อลื่นปริมาณเกินพอดีลงบนท่อนกายอันตื่นตัวของตน แล้วจึงตั้งท่าให้อยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ปลายยอดความแข็งขืนเริ่มเสียดแทรกเข้าไปในปากทางสีระเรื่อ ซิลวาใช้ฝ่ามือลากตามท่อนขาทั้งสองของบอนด์ สังเกตวิธีที่ผิวเนื้อใต้ฝ่ามือสั่นวาบกับสัมผัสนั้น ก่อนจะตวัดสะโพกเสือกกายเข้าไปรวดเดียว เรียกเสียงร้องอย่างไม่ทันตั้งตัวจากบอนด์ ซิลวาหยุดขยับชั่วครู่ “แล้วผมก็วางแผนให้คุณร้องครวญจนกว่าจะเสียงแห้งด้วย”
ว่าเสร็จเขาก็กระแทกกายเข้าไปด้วยจังหวะที่ดูเหมือนจะไม่แน่นอน หากมีท่วงทำนองของมัน เป็นการร่วมโลกีย์เฉกจังหวะตีกลอง แล้วบอนด์ก็บิดเร่าใต้ร่างของซิลวา บางทีบอนด์อาจจะได้ยินเสียงเพลงที่กรีดลึกอยู่ในสมองของผู้ที่รุกล้ำตน
บอนด์หอบหนัก สำลักเสียงครางครวญออกมา ก่อนที่เสียงของเขาจะเริ่มดังก้อง ฟังดูมีชีวิตสะท้อนผนังเย็นเยียบ
ซิลวาเบียดเสียดเข้าไป ทัศนียภาพตรงหน้าพร่ามัว หากยังเห็นสีฟ้ากับสีบลอนด์กับสีโลหิต—สูบฉีดภายใต้ผิวสีแทนอ่อน ความร้อนมาคู่กับความแสบสันของราคะ พลันซิลวาก็รู้สึกว่าความหฤหรรษ์อยู่ใกล้เขาเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด เขาหอบกระเส่า หมอกสีขาวเริ่มแผ่ซ่านใต้เปลือกตา แต่เขาพยายามอดกลั้นตัวเองให้รออีกนิด ยังคงปรารถนาที่จะสอดแทรกเข้าไปในกายผู้แบ่งปันนามเดียวกับเขานานกว่านี้ แรงกว่านี้ ลึกกว่านี้ เนื่องด้วยความร้อน ณ ที่นี้มันเด่นชัดเสียยิ่งกว่าความร้อนของคฤหาสน์แห่งสกายฟอลล์ที่กำลังเผาไหม้ เฉียบคมเสียจนทิวทัศน์อื่นหมองมัว อีกนิดเดียว—
ทุกอย่าง ณ ที่นี่อาจไม่สวยงามนักหรอก ซิลวายอมรับ
แต่เพียงเสี้ยววินาทีนั้นมันไม่มีความเจ็บปวด มันอาจจะมีความทรมาน ใช่ แต่เป็นความทรมานที่ทำให้ไขว้เขวจากความเจ็บปวดโดยสิ้นเชิง ซึ่งอาจจะฟังดูผิดเพี้ยนสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่สำหรับซิลวา
มันคือการใช้ไฟดึงสมาธิจากปากแผลกลัดหนอง
“ซิลวา” บอนด์โพล่งออกมาท่ามกลางเสียงหายใจแรง ๆ สุรเสียงแตกแห้ง หยาดน้ำไหลออกมาจากหางตา เหงื่อกาฬไหลตามไรผม ท่อนขาบีบเกร็งขนาบสีข้างของกายหนาที่กำลังรุนรานตน วงแหวนสีทองที่บีบรัดเขานั้นพอจะสะท้อนแสงให้เห็นในความมืด แก่นกายแข็งหนาสีชาดเปียกลื่นไปด้วยน้ำมันหอมผสมกับน้ำราคะที่เอ่อออกมาจากปลายยอด แม้จะไม่อาจ—ไม่อาจถึงจุดสุดยอดที่ใฝ่หวังได้
“เจมส์” ซิลวาเอ่ย ด้วยอาการติดนิสัยเสียมากกว่าตอบรับการขานชื่อตน แล้วปลดปล่อยน้ำตัณหาลึกภายในตัวคนตรงหน้า ทอดมองร่างที่แอ่นรับมันโดยมิตั้งใจ ทุกสรรพสิ่งเป็นสีขาวตลอดเวลาที่ซิลวาส่งทอดอารมณ์ทั้งหมดให้ไหลเข้าไปในตัวอีกฝ่าย ช่องทางร้อนตอดรัดเขาเป็นจังหวะตลอดเวลาที่ซิลวาชะลอการเคลื่อนไหว ก่อนจะหยุดลงในที่สุด
ทุกอย่างเริ่มกลับมามีรูปร่าง แล้วซิลวาก็เห็นสีเลือดบนผิวหน้าบอนด์ได้กระจ่างขึ้น
สองนาทีหลังจากนั้น ซิลวาเคลื่อนย้ายกายบอนด์ไปที่ห้องอาบน้ำ ปล่อยให้หยาดราคะที่ไหลออกมาจากช่องทางแดงช้ำของคนในอ้อมอกหยดลงเปื้อนพื้นสีขาว สายหนังที่รัดรอบข้อมือและข้อเท้ายังคงอยู่ แต่ครานี้ไม่มีโซ่มาด้วย เขาล็อคข้อเท้าบอนด์ให้ชิดติดกัน แต่ไม่ใช่ข้อมือ กระนั้นบอนด์ก็หาได้แสดงท่าทีจะแข็งขืน
ซิลวาวางร่างเขาลงบนพื้นห้องน้ำและเปิดน้ำเย็นให้สาดลงมาจากฝักบัว บอนด์ไม่ได้มองตาเขา และซิลวาก็ไม่ได้พยายามสบตาอีกฝ่าย
บอนด์ดึงขวดสบู่มาจากมือซิลวาเป็นเชิงยืนกรานว่าจะจัดการเอง ทว่าเขาก็มิได้ไหวกายหนีระหว่างที่ซิลวาช่วยถูสบู่ลงบนแผ่นหลัง ปละปล่อยให้อีกฝ่ายใช้นิ้วโป้งนวดลงบนช่องบุ๋มใต้สะบักหลังตลอดช่วงเวลาที่บอนด์ทำความสะอาด… ส่วนอื่น และแล้วซิลวาก็หยิบขวดแชมพูที่บอนด์ยังไม่เคยเปิดมาและเทจำนวนเล็กน้อยลงบนเส้นผมสีบลอนด์ตัดสั้น หัวไหล่ของบอนด์กระตุกไหวเมื่อได้กลิ่นแชมพูชนิดเดียวกับที่ซิลวาใช้ แต่เขาก็ผ่อนบรรเทากล้ามเนื้อลงโดยไม่พูดอะไร แล้วนั่งเฉย ๆ ใต้น้ำฝักบัวกระทั่งซิลวาล้างมันออกจากเส้นผมจนหมด เขาเพ่งมองกระเบื้องสีขาวยามที่ซิลวาเลื่อนมือมาที่หว่างขาของเขาจากด้านหลัง แล้วจึงปลดสายหนังออกจาก—
สายลับหนุ่มกลืนน้ำลาย ยังไม่ละสายตาจากกระเบื้องสีขาว สายตาของซิลวาที่มองสำรวจเขาให้ความรู้สึกราวกับจับต้องได้จนแทบหายใจไม่ออก
เขาเริ่มหายใจไม่ออก
ซิลวารู้ แต่ไม่ถอยห่าง เขายังปล่อยแหวนสีทองไว้ที่เดิม ก่อนจะหดมือกลับมา เขานวดลำคอบอนด์แผ่วเบา และทำเช่นนั้นกระทั่งลมหายใจคนตรงหน้ากลับมาสงบตามปกติ
หามีฝ่ายใดปริปากพูดอีกตลอดคืนนั้น
* * *