Posted in Writing

(Skyfall fic) The Nature of Crucifixion (Silva/Bond, part 1)

Title: The Nature of Crucifixion (1/?, Part of ‘Hunger’ series)
Author: Daiong [ไดอง]
Pairing: Silva/Bond
Overall Rating: NC-17
Warnings: Sex/BDSM โดยไม่สมยอม, การใช้ยา, alcoholism, การทารุณกรรม
Genre: Angst, smut, drama
Prequel: Hunger
Author’s Note:
– เป็นเรื่องที่เขียนไม่จบ หลังจาก part 2 ไปก็ยังไม่ได้ต่ออีก แต่ repost ให้อ่านหลังจากเก็บ entry เป็น drafted ไปใน exteen ค่ะ
– ถือว่าเป็นส่วนเดียวกับฟิกเรื่อง Hunger แต่ไม่ต้องอ่าน Hunger ก็ได้ค่ะ
– Post-Skyfall AU ที่ซิลวาไม่เดี้ยงและบอนด์ดวงซวย

* * *

The Nature of Crucifixion

 

Part One

“ดังนั้นก่อนที่คุณจะประกาศว่าพวกเราไม่เป็นที่ต้องการ ถามตัวเองก่อนเถิดค่ะว่าคุณรู้สึกปลอดภัยแค่ไหน มีอีกเรื่องหนึ่งที่ดิฉันอยากจะพูดถึง สามีที่เพิ่งเสียไปของดิฉันเป็นผู้ชื่นชมบทกวี—”

บอนด์ยังคงไม่ลืมตาขึ้น ในขณะที่หัวคิ้วขยับเข้าหากันเล็กน้อย เอ็มไม่เคยบอกว่าสามีของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่เมื่อไร ตอนที่เขาบุกรุกเข้าไปครั้งล่าสุด บอนด์พอรู้ว่าสามีเธอไม่ได้อยู่ที่อพาตเมนต์ของเอ็มมาสักพักหนึ่งแล้ว แล้วไม่นานหลังจากที่กลับมาทำงานอีกครั้ง เขาก็สังเกตว่าเอ็มใส่แต่สีดำตั้งแต่ก่อนที่เขาจะถูกยิงจมหายไปกับน้ำ

เขาไม่เคยถามเรื่องสามีของเธอ ในขณะที่เธอยังมีใจจะถามเรื่องพ่อแม่ของเขาทั้งที่รู้อยู่แล้ว

“เสียสามีไปก่อนการหายสาบสูญไปของนาย ช่วงนั้นแม่คงเครียดน่าดูเลยเนอะ”

บอนด์ลืมตาโพลงขึ้น แลเห็นซิลวานั่งอยู่บนรถเข็นสำหรับผู้ป่วย บอนด์กระตุกข้อมือและข้อเท้า เสียงโซ่แว่วมากระทบใบหู นัยน์ตาสีฟ้ามองดูสถานการณ์รอบ ๆ อย่างรวดเร็ว

เขานอนอยู่บนเตียงสีขาวขนาดใหญ่ในห้องขนาดกลาง มีสายโซ่ติดกับเพดาน กุญแจข้อมือของเขาทำด้วยหนังสีดำและถูกล็อคให้ติดกันอยู่เหนือศีรษะ ที่หลังมือต่อกับสาย…น้ำเกลือ (เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่ามันมีสารอะไรบ้าง) กุญแจที่ข้อเท้าก็ทำด้วยหนังแบบเดียวกัน ตรวนไว้กับเสาเตียงคนละข้างอย่างแน่นหนา บอนด์สวมเสื้อและกางเกงหลวม ๆ สีโทนเดียวกับที่ซิลวาเคยใส่ตอนถูกคุมขังที่ MI6  จงใจประชดหรือไงกันนะ นาฬิกาติจิตอลติดอยู่บนผนังเบื้องหน้า ตัวอักษรสีแดงบนแผ่นสีดำ – FR 27OCT เหนือตัวเลข 11:12 – ถ้าเช่นนั้นเขาก็สลบไปหนึ่งคืน ข้างใต้มันมีทีวีจอใหญ่ติดอยู่ ภาพเอ็มฉายอยู่ในข่าวช่อง 1

“—that which we are, we are;

One equal temper of heroic hearts,

Made weak by time and fate, but strong in will

To strive, to seek, to find, and not to yield.

 

“‘นั่นคือถ้อยคำแถลงสุดท้ายของผู้อำนวยการแห่ง MI6 ที่เรามีโอกาสได้ยินก่อนรัฐสภาจะถูกโจมตี หนึ่งวันหลังเหตุการณ์ดังกล่าวเราพบว่าเธอเสียชีวิตที่โบสถ์—’”

ซิลวากดปุ่มปิดทีวี ดึงสายตาของบอนด์ให้กลับไปมองเขาอีกครั้ง บุรุษผมบลอนด์สว่างเอียงคอพิจารณาบอนด์อยู่ชั่วอึดใจ แล้วเอ่ยว่า “ผมตั้งใจจะเก็บแผลเป็นที่หลังไว้เป็นที่ระลึกล่ะ”

บอนด์คงสีหน้านิ่งเฉย ในขณะที่ซิลวาหัวเราะระรื่น

“ผมไม่รู้ว่าคุณทำได้ยังไงจริง ๆ นะ ถ้าผมจมน้ำที่หนาวขนาดนั้น อย่าว่าแต่เหวี่ยงมีดปักหลังใคร ผมไม่แน่ใจว่าตัวเองจะสามารถตีสีหน้านิ่งขนาดนั้นได้—แต่มือคุณก็สั่นนี่นะ หลักฐานก็คือมีดพลาดหัวใจกับปอดของผมไปนี่ไง แต่ก็ต้องขอบคุณกำลังเสริมที่ตามมาทีหลังของผมด้วยล่ะนะ หลังจากที่ผมสลบไป ลูกน้องที่ตามมาทีหลังคิดว่าคุณอาจเป็นประโยชน์ก็เลย—”

“โยนแก๊สยาสลบแล้วจับเป็นฉันมาจากโบสถ์นั่น” บอนด์ต่อให้จบประโยค

ซิลวาฉีกยิ้ม แล้วกล่าวว่า “ตั้งรับผมที่บ้านเก่าตัวเอง โดยไม่มีแม้แต่จะขอกำลังหนุนจาก MI6  ถึงจะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่ต้องการให้คนอื่นมาเกี่ยวข้องก็เถอะ ผมคาดว่าคุณคงได้คุยกับเซวารีนมาบ้างแล้วสิว่าจริง ๆ แล้วคนที่ทำงานภาคสนามในการควบคุมของผมมีอยู่ไม่มาก ทำให้คุณคิดว่าตัวเองมีโอกาสเอามะพร้าวมาล่อให้พวกเราลงหลุมไปแบบนั้นไม่ยาก

“จะว่าไปแล้ว ผมค่อนข้างแน่ใจว่าคะแนนทดสอบตกต่ำของคุณคงเป็นผลจากทางด้านจิตใจมากกว่าทางกาย ตอนที่แม่สั่งให้ยิงแบบนั้นก็ใจร้ายจริง ๆ นี่นะ ถ้าจะนึกภาพดูแล้วโอกาสที่คุณจะโดนยิงก็อาจจะมีสัก 50% หรือมากกว่านั้น แปลว่าแม่เชื่อว่าโอกาสที่คุณจะชิงฮาร์ดไดรฟ์มาได้สำเร็จก่อนที่จะคลาดสายตาไปก็ท่าทางจะมีน้อยกว่า 50%  ช่างเป็นตัวทำลายอีโก้ของคุณจังเนอะ”

“คนที่มีความรับผิดชอบระดับสูงขนาดนั้นต้องตัดสินใจเลือกระหว่างโอกาสที่จะเสียฉันเพียงคนเดียวหรือเจ้าหน้าที่คนอื่นทั้งหมด เราไม่ได้อยู่ในธุรกิจที่จะซื่อขนาดคิดว่าจำนวนชีวิตคนนั้นวัดกันไม่ได้ ก็ไม่ต่างกับกรณีนาย เธอเสียนายคนเดียวเพื่อ—”

“เพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ฮ่ะ สมกับเป็นผู้หญิงคนนั้น ทรยศคนใกล้ตัวเพื่อเกื้อกูลคนส่วนมาก” ซิลวาฉีกยิ้ม พลางใช้มือหมุนล้อรถเข็นหันเข้ามาหาบอนด์ตรง ๆ  ดวงตาสีมืดดำฉายชัดไปด้วยความเอ็นดูปลาบปลื้ม บอนด์เสสายตาไปทางอื่นอย่างหมางเมิน ซิลวาพล่ามต่อไป “น่ารักจัง เลือกที่จะพูดปกป้องแม่โดยเมินประเด็นเรื่องของตัวเอง แปลว่าคุณปฏิเสธไม่ออกว่าความจริงที่คุณยิงเป้าหมายไกลกว่าสามเมตรได้ไม่ได้เรื่องนั้นสืบเนื่องมาจากผลกระทบทางด้านจิตใจ?”

“ก็แค่เพราะก่อนหน้าการทดสอบฉันยังอยู่ในช่วงที่สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เท่านั้นแหละ” บอนด์ว่า

“ฮะ-ฮ่า แต่คุณเลือกที่จะเชื่อคำพูดของผมว่าคุณสอบตก มากกว่าเชื่อที่แม่บอกว่าผ่านใช่ไหมล่ะ”

“ฉันมองโลกตามความเป็นจริง” บอนด์ตอบเรียบ ๆ  อาจฟังดูขัดแย้งในตัวเองนิดหน่อย ในเมื่อนั่นแปลว่าก่อนหน้านี้เขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดของเอ็มมากกว่าตรรกะของตนเอง ทั้งที่พอจะคำนวณได้ว่าการทดสอบยิงปืนครานั้นไม่มีทางได้คะแนนมากกว่า 50

“Mm-hmm” ซิลว่าส่งเสียงในลำคอเป็นเชิงตอบรับ เขาท้าวศอกกับที่วางแขนแล้วใช้นิ้วแตะริมฝีปากอย่างครุ่นคิด “ว่าแต่ว่านะ เจมส์ ปกติคุณดื่มมากแค่ไหนเหรอ ก่อนนอน…น่าจะทุกคืนเพื่อช่วยให้หลับ? ดรายมาร์ตินี่? หรือบางทีอาจจะเหล้าสก็อต? กี่แก้วเอ่ย”

อ้อ บอนด์สบตากับดวงตาสีโคลน “แค่การลงแดงไม่ทำให้ฉันคายอะไรที่นายอยากฟังหรอก”

“อ้า ผมรู้อยู่แล้วล่ะว่าคุณถูกฝึกมาดี” ซิลวาบอก “นั่นไม่ใช่ประเด็น ผมตั้งใจจะฝึกคุณใหม่ต่างหาก ไม่ต้องห่วงนะเจมส์ ผมไม่มีอะไรจะติเตียนคุณ ไม่ว่าในเรื่องแผนการที่สกายฟอลล์ หรือความจริงที่คุณปล่อยให้แม่บาดเจ็บก่อนที่จะถึงมือผม แต่ในเมื่อพวกเรารอดมาแล้ว… ก็อย่างที่คุณหญิงของพวกเราชอบพูดเอาไว้ ทำแล้วเสียใจทีหลังไม่ใช่มืออาชีพ ผมมุ่งหวังที่จะสำเร็จเป้าหมายใหม่ ๆ ต่อจากนี้”

บอนด์ไม่แสดงอาการสะดุ้งสะเทือนเมื่อซิลวาใช้มือลูบบนท่อนขาด้านบนของเขา

“อาทิตย์นี้คงลำบากหน่อยนะ เจมส์” ซิลวาดูจะจมอยู่ในความคิดชั่วขณะ ก่อนจะเอ่ยต่อ “อีกอย่าง ถ้าผมอยากให้คุณลงแดงจริง ๆ  ผมไม่ใช้แอลกอฮอล์หรอก”

_

บอนด์โค้มกายอาเจียนกับชามเหล็กที่ถูกยื่นให้เขา

เขายังคงไม่สามารถคำนวณได้ว่าจุดประสงค์ของซิลวาคืออะไร เขาไม่เคยถูกถามเกี่ยวเนื่องกับ MI6 โดยตรง ตอนแรกเขาคาดการณ์ว่าซิลวาตั้งใจจะยื้อความทรมานของเขา—ปล่อยให้ลงแดงสลับกับให้เหล้า หรือหากเลวร้ายกว่านั้นอาจเป็นยาเสพติดชนิดอื่น แต่ก็ไม่ใช่

ไม่ได้มีแต่ซิลวาที่คอยดูเขา มีบางคนมาช่วยสับเปลี่ยนเวร ทุกคนสวมถุงมือและปกปิดใบหน้า แล้วเขากลับกลายเป็นเหมือนเด็กทารกที่ต้องให้อยู่ห่างของมีคมและมีคนคอยช่วยในทุกเรื่องตลอดเวลา

ซิลวาไม่เคยใส่ถุงมือ เขามักจะแทรกนิ้วไปตามหนังศีรษะของบอนด์ แล้วท่ามกลางความกระหายและความกระสับกระส่ายบอนด์ถึงเริ่มรู้สึกว่าซิลวาต้องชอบชื่อเจมส์บนริมฝีปากของตนมาก เขาไม่แน่ใจว่าเคยมีใครเรียกชื่อตัวเองติด ๆ กันบ่อยขนาดนี้ แต่เมื่อบอนด์เริ่มไวต่อเสียงและแสง ซิลวาก็ไม่ได้กระซิบพล่ามอะไรมาก และแม้แต่หรี่แสงไฟในห้องลงจนเกือบมืด

บอนด์มิได้เสพติดอะไรเพราะอยาก แต่เพราะมันช่วยให้เขาบังคับอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองได้—แม้คนอื่นอาจบอกตรงกันข้าม ในขณะที่สิ่งที่เป็นอยู่นี้เป็นทุกอย่างที่ตรงกันข้ามกับการได้ดื่มมาร์ตินี่สักแก้ว สามแก้ว สี่แก้วหรือหกแก้ว จะเรียกเป็น anti-martini ก็ว่าได้ มันไม่ได้ช่วยให้เขาหลับ ไม่ได้ช่วยให้เขาหยุดคิด ไม่ได้ช่วยให้เขาพอทำนายได้ว่าตัวเองจะทำอะไรบ้าง ไม่ได้ช่วยให้เขาสัมผัสความรู้สึกนั้นที่ไม่ใช่ทั้งความปิติและความเหนื่อยล้า นี่คืออะไรที่แตกต่างไปโดยสิ้นเชิง นี่คือการสูญเสียการควบคุม

เขาหลงวันเวลาไปแล้วตอนที่ซิลวาปาดเหงื่อออกไปจากหัวคิ้วของเขา ประคองให้เขาเผชิญหน้าอีกฝ่าย และถามว่า “ใครเอ่ย”

บอนด์เห็นตา จมูกและปาก – บางอย่างที่มีชีวิตในสรรพสิ่งสีดำขุ่น

“เจมส์ นี่ใครเอ่ย”

มือคู่เดียวที่สัมผัสเขาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานวดกะโหลก เรียวปากบอนด์ขยับเป็นรูปซิลวาก่อนทันจะได้คิดอะไร และมีสุ้มเสียงกระซิบกระทบใบหูตามมาว่า “พ่อหนุ่มคนดี” บอนด์ผวาเฮือก ด้วยมันฟังดูดังก้องและแจ่มชัดในความรู้สึกกว่าความเป็นจริง

ทว่าอันที่จริง เขาเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าความเป็นจริงมีรูปทรงแบบไหน

_

ความจริงก็คือซิลวาเคยเห็นหน้าบอนด์ก่อนที่เขาจะถูกเอ็มม่าทรยศ บอนด์ยังไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งในฐานะสายลับ 00  แต่ซิลวา—หรือทิอาโก โรดริเกซในตอนนั้น—คาดว่ามันคงเกิดขึ้นในไม่ช้า ที่แน่ ๆ เอ็มม่าเตะตาผู้ชายคนนี้ เธอไม่ได้บอก แต่ทิอาโกเป็นสายลับระดับ 00  เขาย่อมรู้เรื่องพวกนี้

ทิอาโกอดคิดไม่ได้ว่าเขาชอบชื่อเจมส์ บอนด์ เพราะความห้วนและหนักของมัน ซิลวาเป็นชาวสเปน แต่เขารู้ว่าาหากดูรากศัพท์ของชื่อคริสต์แล้ว ‘ทิอาโก’เป็นรูปแบบโปรตุเกสของชื่ออังกฤษ‘เจมส์’ เขาคิดว่ามันตลกดีที่เอ็มม่าจะสนใจเจ้าหน้าที่ที่มีชื่อเดียวกับเขา

เมื่อปลายฤดูใบไม้ร่วงปี 1997 ที่อังกฤษ ทิอาโกได้ข่าวว่าบอนด์กำลังทำงานอยู่ที่ย่านเดียวกับเขาพอดี แล้วเขาก็ถือโอกาสไปสำรวจดู ทิอาโกแอบขึ้นไปที่ชั้นสองของตึกร้างข้าง ๆ โกดังที่บอนด์เข้าไปทำงาน เพียงไม่ถึงสิบนาที เขาก็เห็นบอนด์ปีนออกมาจากหน้าต่างชั้นสองของโกดังตรงข้าม ในขณะที่มีกระสุนของศัตรูตามมา

ทิอาโกรู้ตัวว่าตนมีหัวใจของชาวโรแมนติก คนปัจจุบันมักพูดกันว่ารักแรกพบไม่มีจริง เป็นเพียงการถูกใจแต่แรกเห็น แล้วพัฒนาเป็นความรักหลังจากได้เปิดปากคุยกัน แต่ทิอาโกรู้ดีกว่านั้น เขาเคยประสบกับอะไรคล้าย ๆ กันเมื่อสมัยอยู่โรงเรียน (กับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เขาเรียกว่าแมททิโอ)

แต่หามีประสบการณ์ใดทาบเท่าการได้เห็นเจมส์ บอนด์

เขาเคยเห็นรูปฝ่ายศัตรูมาก่อน จึงรู้ว่าคนที่วิ่งหนีอยู่นั่นคือเจมส์ บอนด์ ทิอาโกไม่ได้อยู่ในระยะที่ห่างไกลมากนัก เสี้ยววินาทีแรกที่เขาเห็นใบหน้าด้านข้างของบอนด์ที่กำลังตวัดกายลั่นไกปืน เขารู้ทันทีว่าเขาถูกชี้ชะตามาให้อยู่ที่นั่น

ชะตาของเขาพลันถูกจำกัดเอาไว้อย่างน่าพรั่นพรึง สิ่งแรกที่ทิอาโกสังเกตคือเจมส์ บอนด์คนนี้มีผมแบบที่เรียกกันว่าผมบลอนด์ แต่แม้กระทั่งคำนั้นก็ดูไม่เพียงพอที่จะบรรยายสีผมของคนคนนี้ ก่อนหน้านี้เขานึกภาพว่าบอนด์น่าจะมีลักษณะแบบอย่างของจอห์นนี่มาดเข้มสักคน แต่สำหรับเจมส์—เจมส์คนนี้ไม่มีอะไรเรียบง่ายแบบนั้น พระเจ้า บอนด์ไม่ใช่จอห์นนี่คนหนึ่ง แล้วเขาก็เป็นมากกว่าเจมส์ทั่วไปหลายเท่า เขาไม่ใช่คนที่มีเครื่องหน้าแบบที่ชาวกรีกสมัยก่อนชื่นชม หาได้มีกลิ่นอายเดวิดของไมเคิลแองเจโล แต่นั่นคือประเด็นสำคัญ เสน่ห์ของเขาดูเหมือนจะไม่มีที่มาอีกทั้งมิมีที่สิ้นสุด ไม่มีใครที่ยิงคนด้วยบรรยากาศแบบนั้น รุนแรง เด็ดขาด ไม่โยกโย้ ไม่อัปลักษณ์

ทิอาโกสังเกตว่าบอนด์หลีกเลี่ยงที่จะฆ่า ความเป็นไปได้ก็คือบอนด์ยังไม่เคยฆ่าคนในเมื่อเขายังไม่ได้ตำแหน่ง 00 (แต่ทิอาโกแทบได้ยินเสียงตัวเองเรียกเจมส์ว่า Double-oh-_____ เรียบร้อยแล้ว) บอนด์วิ่งไปตามขอบนอกของตึกนั้นอย่างน่าหวาดเสียว ทิอาโกเคลื่อนกายตาม มือเลื่อนไปแตะที่ปืนของตน เผื่อเขาจะช่วยสกัดกระสุน แม้จะค่อนข้างแน่ใจว่าไม่จำเป็นต้องลงมือ

มิใช่ว่าบอนด์ดูงามสง่ายามที่เขายิงปืน ที่น่าดึงดูดคือเขาหาได้ดูโหดเหี้ยม เป็นก้อนเนื้อของความเย็นชาที่สวมเกราะบางอย่างที่กั้นตัวเขาออกจากลักษณะโหดร้าย ในที่สุดบอนด์ก็จัดการจับเป็นเป้าหมายได้ และลากเขาขึ้นรถเพื่อขับหนีไป

ทิอาโกตัดสินใจว่าถึงเขาจะไม่มีวันได้แตะต้องตัวเจมส์ในแบบที่เขาต้องการ เขาจะต้อง—จำเป็นต้องตทำความรู้จักกับเจมส์ บอนด์

บางทีเขาอาจจะพูดกับเอ็มม่า เธอเห็นค่าความเห็นของเขามิใช่หรือ ที่สำคัญเขาพอจะเก็งได้ว่าเอ็มม่าอาจได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการ MI6 คนต่อไป ย่อมเป็นการดีที่จะมีคนอย่างเจมส์ บอนด์คอยรับใช้ ดูจากวิธีที่เจมส์ไล่ล่า เขามีความไหลลื่นในแบบของคนที่พร้อมจะพยศเพื่อใฝ่ทำในสิ่งที่จำเป็นและถูกต้อง—เขาต้องเหมาะที่จะทำงานให้เอ็มม่าแน่นอน

ทิอาโกกลับไปที่โรงแรมคืนนั้น และเตรียมของพร้อมเดินทางไปฮ่องกง

เขาไม่ได้มีโอกาสมองตาเอ็มม่าอีกนานแสนนาน

_

หนึ่งวันหลังจากที่พิษเสพติดแอลกอฮอล์ออกไปจากกระแสเลือดของบอนด์ เขาก็ตื่นขึ้นพร้อมกับได้ยินเสียงเพลง

Boom boom boom boom

Gonna shoot you right down

Take you in my arms

บอนด์รู้สึกร้อน กระสับกระส่ายและ—

ดวงตาสีนภาเปิดโพลงขึ้น แลเห็นซิลวาวางเข็มฉีดยาหนึ่งลงในกล่องที่หัวเตียง และครั้งนี้บอนด์หาได้สวมเสื้อผ้า

“อ้า” ซิลวาเอ่ย ขณะโน้มศีรษะลงมา มือข้างขวาเลื่อนมาแตะวงหน้าผู้ถูกกังขัง ลากนิ้วโป้งลงใต้ดวงตาสีฟ้า นิ้วชี้ตามแนวคิ้วอย่างแผ่วเบา “เวลารูม่านตานายขยายแล้วสวยดีจัง”

บอนด์กัดมืออีกฝ่าย แรงเพียงพอที่เขารู้ว่าจะทิ้งรอยช้ำเอาไว้

ซิลวาเลี่ยงบริเวณริมฝีปากของเขาในวันนั้น

แต่ส่วนที่เหลือ บอนด์คาดว่าเขาไม่มีทางเลือก แล้วเขาพยายามไม่คิดกังวลในสิ่งที่ตัวเองไม่มีทางเลือก อย่างเช่นเรื่องที่เขาต้องหลบอยู่ในห้องใต้ดินที่สกายฟอลล์ในวัยเด็ก

อันที่จริง บอนด์พยายามไม่คิดเมื่อมันเกิดขึ้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

ยาในเส้นเลือดของเขาไม่เพียงแต่ปลุกเร้าราคะ แต่ยังทำให้หมดเรี่ยวแรงจนยากจะดิ้นสู้ ปากของซิลวากลืนกินจุดอ่อนสะท้านกลางลำตัวของเขาเข้าไปรวดเดียว ซึ่งบัดนั้นตื่นตัวเกือบเต็มที่เพราะฤทธิ์ยา บอนด์พยายามอดกลั้นอารมณ์ พยายามนึกถึงอะไรสักอย่างที่อยู่ไกลแสนไกล ภาพบ้านที่ถูกเผามอดไหม้ของเขาไหลเวียนเข้ามาก่อนจะหายไปอีกครั้ง แทนที่ด้วยสิ่งไม่น่าพิสมัยอย่างวิธีที่ไฮโดรเจนไซยาไนด์ทำลายกระดูกบางส่วนของชายที่อยู่ตรงหน้า นั่นอาจเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ซิลวาสามารถกลืนทุกนิ้วของความยาวแกนกาย บอนด์ได้เพียงแต่โทษยาเมื่อเขาสูญเสียการควบคุมจังหวะหายใจ เพราะไม่มีส่วนใดของสถานการณ์ตอนนี้ที่ทำให้รู้สึกดี แต่มันก็รุนแรงเดือดพล่าน และมันก็จะทำให้เขาถึงจุดหฤหรรษ์อย่างมิอาจบ่ายเบี่ยงได้

บอนด์ไม่ได้ส่งเสียงตอนที่เขาปลดปล่อยราคะเข้าไปในช่องปากอีกฝ่าย อย่างน้อยก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเสียงหอบ แต่ร่างกายของเขาก็ทำให้สิ่งที่มันมักจะทำในสถานการณ์เช่นนี้ สรรพางค์กายสั่นไหวในความร้อนเร่าที่ลามไปทุกอณู ตาบีบปิดก่อนที่กล้ามเนื้อทุกส่วนจะผ่อนคลาย ความหฤหรรษ์ผลาญเส้นเลือด

แล้วมันก็มีความเจ็บปวดแปลกพิกลตามมาหลังจากซิลวาดื่มด่ำทุกหยาดหยดของตัณหาที่ปลดปล่อยออกมาจากกายบอนด์ ความเจ็บอันคมปลาบและบาดลึก ขณะที่ซิลวาเลียจากท้องน้อยขึ้นมาเรื่อย ๆ  แล้วความระแคะระคายใต้ผิวหนังของบอนด์ก็บ่งบอกว่าฤทธิ์ยายังไม่หมดไป

ซิลวาสบตากับเขา มืดดำและ—มีธาตุบางอย่างที่ยากจะหยั่งถึง บอนด์รู้ว่าสายตานั่นจะหลอกหลอนเขา และเขาก็หลบสายตาช้าเกินไป

ความสุขสมถูกบังคับบีบรีดออกจากร่างของเขาอีกสองครั้ง โดยมีซิลวาอยู่ในกาย ครั้งสุดท้ายนั่นเขาเสร็จสมแบบแห้งเมื่อไม่มีหยาดน้ำให้หลั่งอีก แต่นั่นไม่ได้หยุดมิให้กายของเขาสะท้านเมื่อความกระหายอยากได้รับการเติมเต็ม ยามที่นิ้วเปียกชุ่มของซิลวานวดแกนกายของบอนด์ ขณะร่างหนาบดเบียดเข้ามาจากด้านบน

เมื่อหมดกำลังวังชา เขาสบตากับซิลวาอีกครั้งโดยมิได้ตั้งใจ และจำได้ว่าแววที่เขาอ่านไม่ออกก่อนหน้านี้คือบางสิ่งที่ใกล้เคียงกับความหลงใหล ในขณะที่คนตรงหน้าพูดเสียงแผ่วเบาว่า “ไว้ผมจะเอาของขวัญพิเศษมาให้”

_

“พ่อหนุ่มที่รัก ผมหายไปนานแค่ไหนเอ่ย” สุรเสียงคุ้นหูร้องเป็นเพลง

บอนด์หายใจเข้าเฮือกและตื่นขึ้นจากการหลับไปวูบหนึ่ง เสียงโซ่เหนือศีรษะแว่วกระทบหู เขากะพริบตาถี่ ๆ

ยามสองคนที่คอยเฝ้าเขาและทุบโต๊ะปลุกให้เขาสะดุ้งตื่นอยู่เรื่อย ๆ ได้หายไปแล้ว และมีอายความร้อนของกายซิลวาจากด้านหลังเข้ามาแทนที่ บอนด์ขยับส้นเท้าถอยโดยสัญชาตญาณ หากข้อเท้าทั้งคู่ของเขาถูกตรวนเอาไว้กับเสาปลายเตียงเฉกเดิม เขาสวมกางเกงหลวม ๆ สีเทาอยู่ – ซิลวามักจะเห็นความจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดตัวและใส่เสื้อผ้าไม่มากก็น้อยชิ้นให้เขาก่อนจากไป ที่น่ารำคาญใจก็คือซิลวาดูชมชอบที่จะถอดมันออกเช่นเดียวกับที่ชอบอาสาช่วยบอนด์สวมอาภรณ์

ความปวดปลาบแล่นไปตามแผ่นหลังและกล้ามเนื้อแขนทันทีที่เขารู้สึกตัว ด้วยความที่คราวนี้ข้อมือทั้งสองของเขาถูกโซ่บนเพดานยื้อให้นั่งเหยียดตรง หากไม่มากพอที่จะทำให้หายใจลำบากเกินไป

แต่แล้วโซ่ก็ผ่อนแรงยื้อจากด้านบน บอนด์ทรุดฮวบลงโดยมีซิลวาประคองกายให้พิงกับแผ่นอกคนด้านหลัง เขาผงะศีรษะไปพิงกับเนินไหล่กว้างโดยไม่ทันได้คิด และหายใจเข้าอย่างยาวนาน นัยน์ตาสีฟ้าพิศดูไฟบนเพดานที่อยู่ห่างจากจุดที่โซ่ห้อยลงมา

“ที่รัก ผมถามคำถามคุณแน่ะ” ซิลวาพึมพำ “ผมหายไปนานแค่ไหนเอ่ย”

นัยน์ตาสีฟ้าหลุบมองนาฬิกาติจิตอลที่ติดอยู่บนผนังตรงข้ามเขา

“ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไรว่านายจะอยู่หรือไปตอนไหน” บอนด์ตอบ

กลีบปากของซิลวาเฉียดแตะที่ใบหูบอนด์ ส่งผลให้บอนด์ดึงยื้อข้อมือและผวาหนีเล็กน้อยโดยสัญชาตญาณ เกิดเสียงเคร้งของโซ่ก้องอยู่ที่เหนือหัว

“ผมควรจะงอนนะเนี่ย…” และคุณจะไม่ชอบเวลาที่ผมงอน “ไม่เอาน่า เจมส์ เมื่อกี้ตาคุณเหลือบดูเวลา จริง ๆ แล้วรู้คำตอบใช่ไหม” ซิลวากล่าวพลางจุมพิตผะแผ่วที่ลำคออีกฝ่าย และแนบกายเข้าไปชิดยิ่งขึ้น

บอนด์มิได้แสดงทีท่าใด ๆ เมื่อสัมผัสถึงความร้อนและตื่นตัวใต้เนื้อผ้ากางเกงของคนด้านหลัง “ก็ราว ๆ ห้าสิบชั่วโมง ถ้าสนใจนักก็คิดเลขเอาเองก็ได้นี่” เขาตอบอย่างพยายามคุมความเฉียบไวแบบเดิมเอาไว้ ทว่าสุรเสียงฟังดูแปร่งและรัวเร็วกว่าปกติ

ซิลวาสูดกลิ่นต้นคอของเขา “เสียงแข็งขันดีนะสำหรับคนที่อดนอนมาห้าสิบชั่วโมง” ในขณะที่มือใช้เข็มฉีดยาเล็ก ๆ จิ้มกับลำคออีกด้านหนึ่งของบอนด์ คนที่ถูกตรึงอยู่เพียงกลืนน้ำลายที่หนืดลำคอ ยามที่มือข้างที่ว่างของซิลวาปัดป่ายระเรื่อยมากระทั่งสอดเข้ามาใต้กางเกงของเขา นัยน์ตาสีฟ้ามองไปตรงหน้านิ่ง เขากระตุกยื้อดึงแขนและขา—คาดหวังให้ตัวเองหลุดจากพันธนาการอยู่เรื่อยไป แต่มันก็ไม่เคยได้ผล

นาทีต่อมากางเกงของเขาถูกเลื่อนให้ไปกองกับเข่า เผยให้เห็นกรงเหล็กที่กลางลำตัวของบอนด์ ล้อมรอบแกนกายไปถึงยอดที่บัดนี้เริ่มขึ้นสีแดง ทำให้มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ผู้ถูกคุมขังได้ถึงจุดหฤหรรษ์ และทำให้ความกระสันอยากชวนเจ็บปวด หากหลวมเพียงพอที่จะปล่อยให้อารมณ์จางลงไปเมื่อฤทธิ์ยาเหือดหาย

บอนด์หายใจถี่ขึ้นบางเบา ราคะเข้ามาคละคลุ้งบนความเดียดฉันท์ แล้วซิลวาก็ส่งเสียงชู่วเบา ๆ ซ้ำ ๆ กับกกหูของเขา แล้วพร่ำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับขนานยานิดเดียวและเจมส์ ปลายนิ้วของซิลวาไล้เรื่อยไปตามซี่ลูกกรง และแตะผ่านกับผิวเนื้อที่ถูกกักขังภายในเสมือนเป็นเรื่องบังเอิญ ในขณะที่นิ้วหยาบอื่น ๆ เคล้นที่ฐานกลางลำตัวของเขา

“ห้าสิบชั่วโมงกับอีก…เท่าไรเอ่ย” จู่ ๆ ซิลวาก็เอ่ยถามด้วยน้ำหนักเสียงที่ดังขึ้น มือข้างหนึ่งลากบนท่อนขาของคนในอ้อมอก ในขณะที่ข้อเท้าของบอนด์ดึงขึงสายโซ่จนตรง “ตอนที่คุณบอกว่าราว ๆ ห้าสิบชั่วโมง ผมหวังว่าคุณคงไม่แอบหลับไปสองสามชั่วโมงหรอกน้า”

บอนด์งุดศีรษะลง—หอบฮั่ก

“อะไรนะ เจมส์ เมื่อกี้ส่งเสียงตอบอะไรรึเปล่า” ซิลวาถาม “ความจริงก็คือผมจริงจังนะตอนบอกว่าไม่อยากให้คุณเข้านอนก่อนผมกลับมาน่ะ แอบงีบไปบางชั่วโมงรึเปล่า ผมนึกว่ายามที่คอยเฝ้าคุณจะเสียงดังพอที่จะดึงความสนใจให้คุณตื่นเสียอีก หรือว่าคุณอยากได้อะไรที่หนักกว่านี้มาฆ่าเวลาหรือ เพราะผม…ก็ค่อนข้างจริงจังตอนบอกเอาไว้ว่าจะเลี่ยงไม่ให้คนอื่นทำคุณเจ็บ” เขาเงยหน้าและใช้นิ้วลากไปตามแนวเส้นหนังรอบ ๆ ข้อมือหนึ่งของบอนด์ “เริ่มแดงนิดหน่อยนะ ขนาดเป็นหนังนิ่ม ๆ ชั้นดีนะเนี่ย ครั้งหน้าผมให้คุณนอนสบาย ๆ แล้วกัน เดี๋ยวหาอะไรมาทาให้ด้วย” เขาดูดเม้มที่ลำคอด้านหลังของคนในอ้อมอก “แล้วถ้าจะให้ดีก็เลิกพยายามดิ้นหนีดีกว่า”

บอนด์สูดหายใจเข้า ลมหายใจกระตุกสั่นกว่าที่ตั้งใจไว้ “ห้าสิบสองชั่วโมง” เขาพูดเร็ว ๆ  “ถ้านายขี้เกียจนับเลขขนาดนั้นล่ะก็”

“อ้อ เปล่า ผมรู้คำตอบ ผมแค่อยากแน่ใจว่าคุณก็รู้ด้วย”

บอนด์เสตาไปทิศทางตรงข้ามกับที่เรียวปากของซิลวาแนบติ่งหูของเขา พยายามคุมลมหายใจให้เป็นปกติและ—สรรพางค์กายสะท้านเมื่อมือหนากลับมากอบกุมกรงเหล็กที่กลางลำตัวของเขา ทุกอย่างพร่าเลือนไปชั่ววินาที

“แล้วนี่ผ่านมากี่วันแล้ว” ฝ่ามือของซิลวาหยาบสาก หากมิได้แห้ง เขามักจะทาครีมหล่อลื่นไว้ก่อนที่จะสัมผัสบอนด์ “เจมส์?”

“ห้า” ดวงตาสีฟ้าบีบปิดลงวูบหนึ่ง “ห้าวัน”

ซิลวาจุมพิตที่ติ่งหูของเขาหนึ่งครั้ง…สองครั้ง… “พอถึงวันที่สิบ ผมอาจจะปลดล็อคให้” เขาไม่ได้ครอบครองเบียดเสียดกายเข้าไปในร่างบอนด์ตั้งแต่ที่มอบลูกกรงเป็น ‘ของขวัญ’ ให้ แต่ก็มิได้หมายความว่าจะไม่ปล่อยให้ตัวเองเสร็จสมทุกครั้งที่มาเยี่ยมเยือน

ยี่สิบนาทีต่อมา เสื้อเชิ้ตสีสดของซิลวาก็เสียดสีบนลำตัวบอนด์จนแสบร้อน (ซิลวาไม่เคยถอดเสื้อออก เขาประกาศตนชัดแจ้งว่าต้องการให้บอนด์สำนึกว่าตนเป็นเพียงคนเดียวที่โดนปลดเปลื้องจนเปลือยเปล่า) กระทั่งแก่นกายหนาที่เบียดเสียดกับต้นขาของบอนด์ฉีดน้ำราคะจนทั่วหน้าท้องกายเบื้องล่าง ช่วงจังหวะเวลาแบบนี้บอนด์เกือบรู้สึกว่ามันแทบมิต่างจากยามที่อีกฝ่ายสอดเสียดกายเข้ามา เข้ารู้สึกเหมือนถูกบุกรุกจนแสบสัน อุณหภูมิร้อนจนเวียนหัว แล้วยังมีกลิ่นอบอวล กลิ่นเหงื่อ กลิ่น—

บอนด์ชินกับคลิ่นโคโลญจ์ของซิลวา และชินกับกลิ่นความอยากของบุรุษเพศที่ผสมกับกลิ่นโคโลญจ์นั้น บางครั้งที่หลับตาทุกอย่างจะดูเลวร้ายขึ้น เขาจึงตัดสินใจเปิดตาในครานี้ แลเห็นวิธีที่เปลือกตาของซิลวาสั่นไหว กลีบปากหนาเผยอกระซิบผะแผ่วชื่อเจมส์เจมส์เจมส์ระหว่างที่เสร็จสม กล้ามเนื้อบนหน้าและกายของเขาดูอ่อนแรงเพียงชั่วขณะ

บอนด์ปิดตาวูบหนึ่งเมื่อความเจ็บปลาบแล่นจากท่อนกาย “ฮะ…” เขาหลุดเสียงออกมาเล็กน้อย ลำตัวสั่นระริก

เพลาเดียวกับที่สรรพางค์กายของซิลวาหยุดสะท้านวาบลง เปลือกตาหนาเปิดออก ดวงตาสีน้ำตาลดำที่ยังคงวาวด้วยประกายของคนที่เพิ่งตื่นจากหฤหรรษ์ทอดมองดวงตาสีฟ้า วินาทีต่อมาบอนด์สะดุ้งเฮือกเมื่อปลายนิ้วของซิลวานวดเคล้นเข้าที่ฐานแก่นกายของเขา

“ท่าทางวันนี้จะ…ปวดนิดหน่อยนะ มิสเตอร์บอนด์”

บอนด์เสตาไปทางอื่นพลางกะพริบตาถี่ ๆ พลางสูดหายใจเข้า ซิลวาเปลี่ยนมาใช้มือทั้งคู่ลูบตามสีข้างของเขา พลางว่า

“จริง ๆ แล้วที่ใช้เมื่อกี้เป็นแค่ยาหลอกนะ”

บอนด์กลับมาสบตากับคนที่โน้มกายอยู่เหนือเขา

“วิตามินซี” ซิลวาขยายความ

ทัศนียภาพรอบกายบอนด์พลันดูมัวพร่า ซิลวาหมุนกายออกจากตัวเขา แล้วหายตัวออกไปจากภาพทัศน์ของบอนด์ ทุกอย่างว่างโหวงขึ้นมาเฉียบพลัน ลมกายใจของบอนด์เริ่มสั่นไหว เขาพยายามจะคิด ถ้าเทียบกับผู้หญิงแล้ว ความตื่นตัวของผู้ชายเป็นเรื่องของร่างกายมากกว่าจิตใจ แม้จะไม่เต็มใจ เขาก็ไม่ได้อยู่ในสถานการณ์ที่—

ซิลวากลับมาพร้อมกับผ้าขนหนูชุบน้ำสีขาว “ชู่ว ๆ ๆ…” เขาส่งเสียงอยู่ใกล้วงหน้าของบอนด์ แต่ก่อนที่จะทันได้ทำความสะอาดคราบราคะบนหน้าท้องของคนที่อยู่บนเตียง ก็จำต้องใช้มันปาดน้ำลายที่อีกฝ่ายอาเจียนออกมาเสียก่อน ซิลวาสั่งให้บอนด์หายใจช้าลง และนึกลังเลวูบหนึ่งว่าควรไปหยิบยาสงบประสาทมาหรือไม่ แต่ไม่ถึงสิบวินาที 007 ก็ทำตามคำบัญชา ซิลวาพิศดูปลายขนตาที่เปียกชื้นของอีกฝ่าย นั่นเป็นภาพอันแปลกใหม่

“แกต้องการอะไรกันแน่…จริง ๆ แล้วน่ะ?” บอนด์ถามหลังจากสูดหายใจเข้ายาว ๆ  น้ำเสียงเขาดูเหนื่อยล้าเหลือประมาณ แต่มันก็ทวีความเด็ดขาดขึ้นเมื่อเขาพูดต่อไป นัยน์ตาสีนภาตวัดมามองลึกเข้าไปในดวงตาซิลวา แล้วเกือบจะดูดุดัน “แกไม่ตั้งคำถาม แต่แกต้องมีจุดมุ่งหมายอะไรสักอย่าง หืม?”

ซิลวาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย

บอนด์กล่าวต่อ “ติ๊กถูกช่องว่างไปทีละช่องล่ะสิใช่ไหม การให้อดนอน การ-การทำให้รู้สึกอัปยศ” —ทางเพศ เขาไม่อาจพูดเติมต่อออกไปได้เต็มปาก “หลังจากนี้คงจะเป็น—อะไรล่ะ การตัดขาดประสาทรับรู้ หรือขังเดี่ยว? ให้ฉันเดานะ ตัดขาดประสาทรับรู้ยี่สิบสี่ชั่วโมงอย่างต่ำ ขังเดี่ยวสัก—อ้อ หนึ่งเดือนมั้ง?”

“รู้ไหม” ซิลวาเอ่ย มุมปากข้างหนึ่งเหยียดยิ้ม “ปกติแขกคนอื่นที่ฉันเคยเจอเขาไม่ยื่นไอเดียใหม่ ๆ ให้เจ้าบ้านหรอกนะ”

บอนด์เหลือบตาขึ้นไปที่เพดาน ระบายลมหายใจสั่นไหว ความกลัวปรากฏชัดกว่าคราใดที่ซิลวาเคยเห็น ซึ่งน่าหลงใหลอย่างที่เขาได้วาดหวังเอาไว้ แต่ซิลวาพบว่าเขาไม่ได้เห็นว่าความกลัวของบอนด์น่ามองมากไปกว่าดวงตาที่เป็นสีฟ้าอย่างเหลือเชื่อนั่น ฟ้ากระจ่างเมื่อกระทบกับแสงไฟบนเพดาน แล้วแววตาของเขาก็ระริกไหวดุจผืนวารีเมื่อบอนด์เริ่มหัวเราะอย่างดูถูก

“ฉันไม่คิดว่าเรื่องพวกนั้นจะเป็นไอเดียใหม่แม้แต่นิดเดียว” บอนด์ถากถาง

“นั่นสินะ” ซิลวาเหลือบตาขึ้นมองข้อนิ้วอันสั่นเทาของบอนด์ “ก็เรามาจากรากเหง้าเดียวกันนี่นา”

“แล้วไงล่ะ” บอนด์ไซ้ “หลังจากที่นายทำลายจิตใจฉันจนไม่สามารถแม้แต่จะยิงปืนได้อีก หลังจากนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ฆ่าทิ้ง? วิธีไหน มีอะไรให้ฉันประหลาดใจ?”

“Mmm” ซิลวายิ้ม “ผมว่าบางทีคุณอาจกำลังหวังจะรู้แผนการของผม เพียงเพราะว่าการไม่รู้อะไรมันน่ากลัวกว่า”

บอนด์พ่นลมหายใจทางจมูกอย่างดูถูก แล้วยังมีใจเหยียดยิ้มขณะเบือนหน้าไปทางอื่น “นั่นคือสิ่งที่พวกคนจีนทำกับนายงั้นสิ” เขามองซิลวาด้วยหางตา “ทำให้นายกลัว แล้วฉันนึกภาพว่าที่นายรอดจากไฮโดรเจนไซยาไนด์นั่นก็ได้พวกนั้นมายื่นมือช่วยด้วยงั้นสิ?” เขาหันมามองหน้าซิลวาตรง ๆ  “ทันทีที่เห็นนายกรีดร้องพวกนั้นทำยังไงล่ะ จับนายคว่ำหน้า? พยายามไม่ได้ยาพิษทำลายลิ้นของนาย ฉันพูดถูกล่ะสิใช่ไหม”

โอ้ สัตว์เลี้ยงในกรงยังมีใจจะง้างกรงเล็บใส่แน่ะ ถ้อยประโยคเหล่านั้นควรจะทำให้ซิลวาเจ็บ ไฮโดรเจนไซยาไนด์จัดการทำลายกล้ามเนื้อใบหน้าและกะโหลกส่วนหนึ่งของเขา แต่เขารู้ว่ามันไม่ได้ทำลายสมองส่วนที่ทำให้เขารู้สึกความเจ็บปวด

อันที่จริง ซิลวากำลังฉีกยิ้มกว้าง

“ใช่” เขาตอบ “ถูกแล้ว เจมส์  แต่คุณเดาผิดเรื่องแผนการของผมก่อนหน้านี้ ผมไม่มีใจจะทำอะไรร้ายแรงจนคุณสูญเสียศิลปะการทำงานของคุณไปหรอก… ตอนที่ผมถามว่าอะไรคืองานอดิเรกของคุณ คุณจำได้ไหมว่าคุณตอบว่าอะไร”

บอนด์กะพริบตาถี่ ๆ  เขายังคงมีปัญหาในการควบคุมจังหวะลมหายใจให้คงที่ อีกทั้งสมองเริ่มมัวไปด้วยความฉงน

“ผมถามคำถามคุณนะ” ซิลวาปล่อยผ้าขนหนูลงกับหน้าท้องของบอนด์ ชื่นชมวิธีที่คนตรงหน้าผวาชั่วเสี้ยววินาทีหนึ่ง ก่อนจะทาบทับกายลงบนร่างบอนด์ “เจมส์”

“การฟื้นคืนชีพ”

“Mm-hmm” ซิลวายิ้ม พลางจรดคางตนกับแผ่นอกอีกฝ่าย ถ้าเพียงแต่ดวงตาของเขาไม่ดูมืดดำ เขาคงมีสีหน้าเหมือนเด็กช่างฝันในขณะนี้ แต่แล้วรอยยิ้มนั่นก็จางลงไป “ผมตั้งใจจะให้พวกเราสามคนตายในวันนั้น—ไม่สิ—ก่อนวันนั้นนะ – ผม คุณกับเอ็ม นั่นเป็นแผนเดิม” ซิลวาละสายตาจากบอนด์และมองเลื่อนลอยไปที่อื่น “ผมนึกว่าคุณจะจมน้ำตายไปแล้วซะอีก คุณทำผมประหลาดใจตลอดล่ะ ตอนที่คุณหล่นลงไปในพื้นน้ำแข็งผมคิดว่ามันน่าเหน็บแนมสิ้นดีที่คุณรอดจากไฟเผาบ้านมาจมน้ำเย็น” เขาถอนหายใจอย่างขำ ๆ  แล้วเคลื่อนสายตามาหยุดอยู่ที่ใบหน้าบอนด์อีกครา “แต่สุดท้าย คุณก็ต้องทำลายแผนการนั่น แล้วตอนที่ผมรู้ตัวว่ารอดตายจากมีดที่คุณฝากเอาไว้ที่หลังของผม ผมก็เลยคิดว่า…” เขาเลื่อนมือไล้ที่ลำคอด้านหนึ่งของบอนด์ “จะฟื้นคืนชีพให้คุณไง”

บอนด์ตอบช้า ๆ ว่า “ถ้า…การฟื้นคืนชีพที่ว่าหมายถึงการคิดจะลากฉันเข้ามาทำงานให้นาย ฉันหวังว่านายคงสำนึกดีว่าจะทำไม่สำเร็จ”

ซิลวารู้สึกได้ว่าหัวใจของบอนด์เต้นแรงจากทรวงอกใต้คาง ซึ่งทำให้เขาอยากนอนอยู่เช่นนี้อีกนาน บางทีอาจจะจนกว่าบอนด์จะหลับไป – นี่ก็เกือบห้าสิบสามชั่วโมงเข้าไปแล้ว ซิลวาพบว่าเขาเอ็นดูรอยคล้ำใต้ดวงตานั่นพอ ๆ กับหยาดน้ำเปียกชื้นที่ปลายขนตาอีกฝ่าย รอยยิ้มพิกลปรากฏชัดขึ้นบนวงหน้าคร้าม บอนด์จ้องเขาเสมือนรอคำตอบอยู่นาน แต่ก็ไม่มีสิ่งใดหลุดจากปากซิลวาอีกในคืนนั้น

TBC.

One thought on “(Skyfall fic) The Nature of Crucifixion (Silva/Bond, part 1)

Leave a comment