Pairing: Maleficent/Aurora (Malora)
Rating: PG
Previous Chapter: 1.
Author’s Notes:
– ซับไทยแปล my little beastie ว่ายัยอัปลักษณ์สินะคะ… แต่เราขอเปลี่ยนนิดหนึ่งในฟิกนี้นะคะ 55
– ตอนจบแล้วค่ะ XD (อ่าว สุดท้ายเขียนไปเขียนมาก็เป็นฟิกสั้นแฮะ…) คิดยังไงเมนต์บอกกันได้นะคะ แล้วไว้จะมาตอบค่า ❤
* * *
Along the Muddy River
2.
“ดิ-อา-วัล-จ๋า” ออโรร่าเรียกเจ้าของนามทีละพยางค์ พลางยิ้มแฉ่งเดินเข้าไปพูดคุยกับนายอีกาในร่างมนุษย์ ตอนนี้มาเลฟิเซนต์กำลังออกไปโบยบินทอดมองแผ่นดินจากบนท้องฟ้า—ที่ที่นางไม่อาจไปด้วยได้—นางจึงเข้ามาพูดคุยเล่นกับดิอาวัล ไม่ใช่ทุกครั้งที่มาเลฟิเซนต์จะปล่อยเขาไว้ในร่างมนุษย์ขณะที่นางไม่อยู่ ด้วยการทำเฉกนี้ทำให้ดิอาวัลไม่สามารถโบยบินไปไหนต่อไหนด้วยตนเองได้ แต่เท่าที่ฟังจากปากดิอาวัล มาเลฟิเซนต์ดูเหมือนจะจงใจปล่อยเขาไว้ในร่างมนุษย์เพื่อที่ว่าออโรร่าจะได้มีคนสนทนาด้วยที่เมืองทิพย์ในวันนี้
ออโรร่าอมยิ้มกับตนเองเมื่อได้ยินเรื่องดังกล่าว “ดิอาวัลชอบอยู่ในร่างอีกาที่สุดนี่นะ แต่ท่านก็อยู่เคียงกายท่านแม่ทูนหัวมาตลอด… ถึงจะบ่นบ่อย ๆ… แต่จริง ๆ ดิอาวัลก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับการแปลงร่างนักใช่ไหมจ๊ะ”
ดิอาวัลเลิกคิ้ว “คิดอย่างไรถึงถามเรื่องนี้ขึ้นมาหรือขอรับ”
“ข้ารู้ว่าดิอาวัลยอมอยู่กับท่านแม่ทูนหัวเพราะท่านช่วยชีวิตดิอาวัลไว้ แล้วก็คิดขึ้นมาว่าการแปลงร่างนี่คงไม่เลวร้ายนักใช่ไหมน้า… อีกอย่างข้านึกขึ้นมาได้น่ะว่าไม่ได้รู้รายละเอียดอดีตระหว่างดิอาวัลกับท่านแม่ทูนหัวเท่าไร” รอยยิ้มอ้อยอิ่งอยู่บนริมฝีปากออโรร่าอยู่ตลอดเวลา “แค่คิดว่า… อยากรู้ที่มาของหลาย ๆ เรื่องมากกว่านี้จัง”
“ถูกของท่านที่การแปลงร่างไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก… เจ้าหญิง—มิใช่สิ ขออภัย—องค์ราชินีออโรร่า” ดิอาวัลค้อมศีรษะให้ด้วยท่าทีสบาย ๆ “อันที่จริงแล้วข้าเป็นคนใส่ใจความงามและความสุนทรีย์ยิ่งนัก ข้าเพียงแต่เห็นว่าร่างอีกาของข้างดงามกว่าทุกร่างที่นายหญิงเคยเสกสรรค์ให้ข้า” —ถึงจุดนี้ออโรร่าก็หลุดหัวเราะ—ดิอาวัลกระตุกมุมปากเป็นรอยยิ้ม “แต่ทุกครั้งที่ได้แปลงร่างข้าก็ได้เห็นโลกในแบบที่มิเคยเห็น ไม่ว่าจะเป็นสีสันที่ได้เห็นผ่านทางดวงตาคู่ที่ต่างจากเดิม หรือสรรพเสียงที่กระทบหู สัมผัสการจับต้อง—ทุก ๆ ประสาทสัมผัสนั้นทำให้ข้าได้ประสบการณ์อันเลอเลิศทุกครั้ง เกินกว่าที่อีกาตัวใดจะนึกฝัน” ดวงตาสีเข้มพินิจมองออโรร่า “ข้านึกภาพว่าท่านอาจรู้สึกคล้ายคลึงกันเวลาที่ท่านได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น ณ เมืองทิพย์แห่งนี้”
ออโรร่าคิดคำนึงกับข้อสังเกตนั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มอ่อนเบา “จริงอยู่ที่สีสัน สัมผัสและประสบการณ์ที่นี่เลอเลิศยิ่งนัก แต่ต่างกันตรงที่ว่า… ท่านไม่ได้เห็นว่าร่างอื่นของท่านงดงามเท่าร่างอีกา… ทว่า สำหรับข้าแล้ว เมืองทิพย์งดงามกว่าที่ใด” นางหลุบตาลงวูบหนึ่ง “ดิอาวัล… ข้าน่ะ… ไม่สนใจดอกว่าท่านแม่ทูนหัวเคยมีชื่อเสียงในฐานะนายหญิงใจทมิฬเฉกใด แต่ข้านึกภาพว่าท่านแม่ทูนหัวคงผ่านมาอะไรมามาก—มากกว่าทุกสิ่งที่ข้าเคยประสบ ในสายตาของท่านแม่ทูนหัวข้าคงเป็นมนุษย์ที่ไม่ประสีประสาต่อโลกรึเปล่านะ”
ดิอาวัลเลิกคิ้วสูงขึ้น “ท่านควรถามเรื่องนั้นกับนายหญิงโดยตรง แต่ข้าเชื่อว่านายหญิงเห็นท่านพิเศษกว่าใคร” เขาหัวเราะหึ เดินเคียงข้างออโรร่าไปตามสายน้ำ
ออโรร่ามองยอดไม้ที่ต้องแสงอาทิตย์สีทอง “ข้ามีนางฟ้าแม่ทูนหัวเพียงคนเดียว…” นางสบตาดิอาวัล “แต่นายหญิงของท่านรับบทบาทแม่ทูนหัวของทุกชีวิตในเมืองทิพย์นี่”
ดิอาวัลยิ้ม พลางส่ายหน้า “อย่าเทียบผู้อยู่ในความปกครองกับคนสำคัญเลย องค์ราชินี นี่แน่ะ – ประชาชนของท่านมีราชินีเพียงผู้เดียว แต่ท่านรับบทบาทราชินีของทุกคนในเมืองมนุษย์”
ออโรร่าชะงักงันไปชั่วขณะ แต่แล้วนางก็หัวเราะสดใส เรียกรอยยิ้มจากทูตตัวเล็กสองตัวข้างแม่น้ำ
ดิอาวัลสบตานาง ยิ้มอ่อนโยน “องค์ราชินีออโรร่าเป็นมนุษย์ หากมิใช่เพียงแค่มนุษย์ในสายตาของข้า แล้วข้าก็เชื่อว่านายหญิงไม่ได้มองท่านเป็นแค่มนุษย์เช่นเดียวกัน” เขาเลื่อนสายตาไปมองทิวทัศน์เบื้องหลังนาง พลางผงกศีรษะ “ถามนายหญิงดูเถิด”
ออโรร่าเอี้ยวคอมองด้านหลัง แลเห็นนางฟ้าแห่งเมืองทิพย์โฉบบินลงมาพอดิบพอดี นางฉีกยิ้มกว้าง “ท่านแม่ทูนหัว”
“ยายปิศาจน้อยของข้า” มาเลฟิเซนต์ตอบรับ อำนาจเคลื่อนตัวอยู่ในอากาศรอบกายนาง กระนั้นรอยยิ้มบนริมฝีปากก็แฝงความเอ็นดูอยู่ แม้นางจะแสดงสีหน้าคล้ายทูตที่กำลังปรารถนาจะก่อกวนอะไรสักอย่างอยู่ตลอดเพลา
“ข้าเพียงแต่กำลังพูดคุยกับดิอาวัล—” ออโรร่าเริ่ม นางหันไปหานายอีกา ทว่ากลับเห็นแผ่นหลังของดิอาวัลที่กำลังเดินจากไป
“เขาเป็นอะไร ข้าลืมให้อาหารนกกับเขาหรืออย่างไร” มาเลฟิเซนต์พูดหยอก พลางขำเล็กน้อย กระนั้นนางก็มองตามดิอาวัลไปอย่างสงสัย
ถามนายหญิงดูเถิด ถ้อยคำของดิอาวัลดังขึ้นอีกครั้งในห้วงคำนึงของออโรร่า สีหน้าของนางพลันนิ่งลง ทำให้รอยยิ้มของมาเลฟิเซนต์จางลงไปด้วย ท่ามกลางพวกเขามีเพียงเสียงวารีไหลผ่าน แต่แล้วออโรร่าก็ช้อนสายตามองใบหน้าของมาเลฟิเซนต์ พินิจมองนัยน์เนตรอันสุกสกาวเรืองวาว เครื่องหน้าที่ดูคม งดงามปนแข็งกร้าวของนาง
“ข้าไม่เคยถูกผู้ใดเกลียดชังเลย” ออโรร่าเอ่ย
มาเลฟิเซนต์จ้องมองดวงหน้าหวาน ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบศีรษะอีกฝ่าย “ไม่ เจ้าไม่เคยเลย” มันเป็นหนึ่งในพรที่ข้ามอบให้เจ้า ให้เจ้าได้รับความรักจากทุกผู้คนที่พบเจ้า
“ท่านเป็นคนปลุกข้าจากนิทรา” ออโรร่าเอ่ยอีกประเด็นหนึ่งขึ้นมา
ครานี้มาเลฟิเซนต์หลุดขำเบา ๆ นิ้วมือไล้ไปตามเกศาทอง “ใช่แล้ว ยายปิศาจน้อย เรื่องนั้นเจ้าก็รู้อยู่แล้วนี่ มีอะไรในใจเจ้าฤๅ บอกข้ามาเถิด”
“ที่เมืองมนุษย์มีบันทึกเขียนไว้… ท่านแม่ทูนหัว มีบันทึกพรของเหล่านางฟ้าทั้งสามและของท่าน – บันทึกไว้คำต่อคำ” ออโรร่ายิ้มละมุน แววตาส่องประกายความพิศวงใจแทนที่จะหม่นเพราะความขัดเคือง “สิ่งที่ข้าเป็น… สิ่งที่ข้ามี… ข้ามายืนอยู่ ณ ตรงนี้ได้โดยมีท่านเป็นผู้ขับเคลื่อนชีวิต แล้วพรของท่านนี่เองที่ทำข้าตระหนักว่า… ความรักที่ได้รับจากทุกชีวิต—ไม่ว่าเผ่าพันธุ์ใด—ช่างอบอุ่นนัก แต่ในขณะเดียวกัน… ก็ยากที่ข้าจะแยกออกได้ว่า—” สุรเสียงไพเราะกลับสะดุดหยุดลง ออโรร่าเม้มปาก ดวงตาของนางสะท้อนความรู้สึกของสายลมแปรปรวน หากอบอุ่น – ดวงตาของนางเป็นสีของท้องฟ้าและผืนหญ้า มาเลฟิเซนต์สังเกตเรื่องนี้มาตลอด หลายครั้งมันคือสีฟ้าของท้องฟ้ายามบ่าย แต่นัยน์ตาของนางก็มีสีเขียวเจืออยู่ด้วย—หากจ้องดูอย่างใกล้ชิด
มาเลฟิเซนต์ขยับเข้ามาใกล้ออโรร่ายิ่งขึ้น โน้มศีรษะลงเล็กน้อย พลางว่าเสียงอ่อน “ข้าฟังอยู่ ยายปิศาจน้อย”
“บางครา… ก็ยากที่ข้าจะสัมผัสได้ว่าความรักของใครพิเศษกว่าของใคร ความรักของผู้ใดที่เป็นรักแท้ ความรักแบบใดกันที่คู่รักพึงจะมี ข้าไม่อาจ—ข้าไม่ได้รู้สึกถึงความรักในรูปแบบเดียวกับที่ฟิลลิปมีให้ข้า ทว่ากับท่าน… ความรู้สึกที่ข้ามีต่อท่านมีพลังเหนือความรู้สึกอื่นใด” ออโรร่าสบตามาเลฟิเซนต์ พลันสายลมในดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแม่น้ำที่ไหลลึก แม่น้ำที่กำลังเคลื่อนไหวต่อไป ต่อไปอย่างต่อเนื่อง “ในวันที่ข้ารู้ว่าท่านคือทูตเจ้าของคำสาปแห่งนิทรา ข้าปฏิเสธไม่ให้ท่านแตะต้องตนและกล่าวว่าท่านเป็นความทมิฬบนโลกา ข้าอยากกล่าวขออภัย… แม้มันจะช้าไปมาก แต่ว่า—ได้โปรดอย่างเพิ่งพูดขัดข้า ท่านแม่ทูนหัว—ไม่สิ ท่านมาเลฟิเซนต์แห่งนครทิพย์ ตัวข้าในวันนั้นที่ยังอายุไม่ถึงสิบหกปี—มิเคยต้องทุกข์ร้อนกับสิ่งใดเกินเพลาหนึ่งวัน—ได้กล่าวโทษตัวท่านที่ข้ารักกว่าผู้ใด เพราะข้าในตอนนั้นปวดร้าวเหลือเกินเมื่อตระหนักถึงการหลับใหลที่อาจมาเยือน โดยที่ข้าอาจไม่มีวันได้ใช้ชีวิตร่วมกับท่านที่นี่ ในช่วงเวลาชีวิตอันแสนสั้นที่ผ่านมาของข้านี้… ข้าเห็นอนาคตของตนกับท่าน—กับท่านเพียงคนเดียวเท่านั้น… ข้า—” ออโรร่าหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง
นางไม่แน่ใจว่ากำลังพูดสิ่งใด เพื่อสิ่งใด นางเพียงแต่รู้ว่านางจำเป็นต้องพูด
มาเลฟิเซนต์จ้องนางราวกับค้นพบทรัพย์สมบัติที่เป็นปริศนามาตลอด—มิได้—ค้นพบผืนปฐพีหนึ่งที่นางไม่เคยได้เห็น เบื้องหน้าของนางนี้คือผืนดินหนึ่งที่กำลังรวมตัวกับอีกผืนดินหนึ่ง ดอกไม้ ทุ่งหญ้าและต้นไม้กำลังงอกงาม เมฆกำลังเคลื่อนออกจากแสงอาทิตย์ ออโรร่าในตอนนี้เปล่งแสงและสรรพสีของธรรมชาติแจ่มชัดกว่าคราใด ดวงตาของนางสื่อความรู้สึกอย่างบริสุทธิ์ใจและละทิ้งทุกสิ่งที่เคยขวางกั้น ออโรร่ากำลังเปล่งแสงบางอย่างที่มาเลฟิเซนต์ไม่นึกฝันว่าจะได้เห็น
และแล้ว มาเลฟิเซนต์ก็ก้าวเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นจนกายพวกนางเกือบสัมผัสกัน ปีกของนางขยับไปด้านหน้า ล้อมทั้งตัวนางและตัวออโรร่าไว้ ส่งผลให้แสงอาทิตย์ที่ทอดลงบนใบหน้าของออโรร่าจางลง กระนั้นก็ให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวมากขึ้น และปกป้องตัวออโรร่าจากสายลมที่พัดมาแรงขึ้นเล็กน้อยในตอนนี้ ดวงตาเรืองวาวของมาเลฟิเซนต์ฉายแววอัศจรรย์ใจ ก่อนที่นางจะกระซิบถามว่า “เจ้ารักข้าหรือ เจ้ารักข้าเฉกใบไม้รักแสงอาทิตย์ และเฉกดินรักสายฝนหรือ”
ออโรร่าสบตากับอีกฝ่าย นางมิได้ดูสับสนกับคำถามของอีกฝ่ายแม้เพียงนิด วิญญาณ์มนุษย์ของนางหยั่งถึงวิญญาณ์ทูตของมาเลฟิเซนต์ พวกนางกำลังพูดภาษาเดียวกัน ออโรร่าพยักหน้า ดวงตาดูใคร่รู้และระริกไหวไปด้วยอารมณ์ความรู้สึก นางถามเสียงแผ่วว่า “ท่านเล่า ท่านมาเลฟิเซนต์รักข้าเฉกลูกทูนหัวเพียงเท่านั้นหรือ”
“มิได้” มาเลฟิเซนต์ตอบ “ข้ารักรอยยิ้มของเจ้ายิ่งกว่าปีกของข้า และรักเจ้ามากกว่าสิ่งใดที่ข้าเคยได้พบพานหรือรู้จัก”
มือของออโรร่าเลื่อนไปแตะปีกข้างหนึ่งของมาเลฟิเซนต์ ผลักมันออกเพียงเล็กน้อยเพื่อให้แสงอาทิตย์แตะต้องใบหน้าของนางและของมาเลฟิเซนต์มากยิ่งขึ้น นางเขย่งเท้าขึ้นเล็กน้อย เพียงพอที่จะทำให้ปลายจมูกของนางแตะต้องกับปลายจมูกของอีกฝ่าย ออโรร่ามองลึกเข้าไปในดวงตาที่ส่องแสงดวงดารา น้ำตาแห่งความปิติเอ่อขึ้นที่ขอบตา นางรู้สึกจุกในลำคอ แต่ก็สามารถเปล่งเสียงแผ่วเบาออกมาได้ในที่สุด “พวกเราเคยพบกันในความฝัน ใช่ไหมคะ”
“ใช่” มาเลฟิเซนต์หลุบตาลง อิงหน้าผากกันและกัน “พวกเราเคยพบกันในความฝัน… ณ ที่นั่นข้าเคยพยายามช่วยเจ้าจากคำสาปของข้า”
ออโรร่ายิ้มกว้าง นางหัวเราะขณะที่หยาดน้ำตาไหลลงมาจากดวงตาข้างหนึ่ง “ข้าหลงรักท่านครั้งหนึ่งในความฝัน”
THE END.
กรี๊ดดดดด once upon a dream >< ฟินเอ้าะะะ เป็นอะไรที่ลึกซึ้งมากค่ะไรท์ ชอบบบ แต่งอีกนะค้าาาา -3-
ฮาาา ขอบคุณสำหรับเมนต์มากค่าาา เขียนไปเขียนมาแล้วอยากเติมเรื่อง once upon a dream ลงไปนิดหนึ่ง XD
ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสเขียน Malora อีกไหมค่ะ เริ่มรู้สึกว่าช่วงนี้ writer’s block นิด ๆ แต่ก็ดีใจที่ชอบฟิกเรื่องนี้ค่า
ประทับใจและงดงามยิ่งในด้านทักษะการเล่าเรื่อง อ่านแล้วนึกว่าตนนั้นเป็นเหล่าทูตที่แสนจะหูตาไวได้ไปสดับรับรู้เรื่องราวอันแสนสุขล้ำดื่มด่ำนี้
ทั้งสองรักมากกว่าท้องฟ้า มากกว่าปฐพี ในความฝันที่พร่าเลือนปีศาจร้ายก็ได้หัวใจของเจ้าหญิงไปครอง
แรกนั้นตกใจ กลัวว่ามาเลฯจะปฏิเสธกันเสียอีก ลงท้ายก็สุขสันต์ นี่คงเป็นฝันดี
เป็นเมนต์ที่ใจดียิ่ง ,, ; v ; ) ขอบคุณค่ะ
เขียนเรื่องนี้แล้วพบว่าเขียนมุมของขุ่นแม่มาเลฯไม่ค่อยออกค่ะ เลยแสดงตัวตนของเธอผ่านสายตาของออโรร่า มาเลฯเลยนิ่งๆ 55
ทั้งสองรักมากกว่าท้องฟ้า มากกว่าปฐพี ในความฝันที่พร่าเลือนปีศาจร้ายก็ได้หัวใจของเจ้าหญิงไปครอง << อ่านเมนต์ท่านแล้วอินเอง แอ๊ ;///;
ชอบมากค่าาาา //ดิ้นๆๆๆ ไม่เก่งวิชาภาษาไทยเลยงงๆหน่อย แต่ชอบมาก
อ่า วิญญาณเขียนรึเปล่าคะ
แง เราเองบางทีก็เขียนชวนงง ๆ บ้างเหมือนกันค่ะ ยอมรับ 55 ดีใจที่ชอบนะคะ ;D
วิญญาณเขียนเป็นวิญญาณ์ก็ได้น่ะค่า (มั้ง… นั่นคือเมื่อเราเช็คเมื่อนานมาแล้ว ตอนนี้มันอาจจะไม่ควรเขียนแบบนี้อีกแล้วก็ได้ 55) ยังไงก็ตาม ความหมายเดียวกันค่ะ :3
ก็ไม่มีไรมาก…ก็แค่จะมาบอกรักไรต์เตอร์!! รักมากกก อิๆๆๆ
ภาษาสวยมากค่ะ จบแบบอบอุ่นนุ่มนิ่มละมุนโคตร พบ้าๆๆ
แต่งคู่นี้อีกนะคะะะ เค้าจะรออ่าน สู้ๆนะคะ
ขอบคุณค่ะ เราก็รักท่านที่เมนต์มากเลย ❤ ดีใจที่ชอบนะคะ ไม่ได้เขียนอะไรแนวอบอุ่น ๆ มาสักพักแล้วล่ะมั้ง ไม่ได้เขียนแนวคู่นี้มานานด้วย ที่ฝ่ายหนึ่งเป็นคนที่อบอุ่นโดยสมบูรณ์ ออโรร่าเขียนสนุกดีค่ะ 🙂 แต่ไม่แน่ใจว่าจะมีโอกาสได้เขียนคู่นี้เพิมอีกไหม แหะ ๆ
อ่านแล้วฟินข้ามวันเลยทีเดียว ภาษางามมากค่ะ
ให้ความรู้สึกละมุนละไม ถ้ามีโอกาสแต่งอีกนะคะ จะติดตามค่ะ><
เย้ ดีใจที่เรื่องนี้ทำให้ท่านฟินข้ามวันได้ค่ะ *เต้นไปรอบ ๆ* เราเองก็ไม่ได้พยายามเขียนสื่ออารมณ์ละมุนละไมในฟิกมานานมากแล้วเหมือนกันค่ะ เหมือนคนอื่นก็เมนต์อยากให้เขียนคู่นี้อีก ไว้แล้วเราจะคิดดูนะคะ ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลา 55
สวัสดีค่ะ
สกสิสฟนอนนกพยๆยบดขับๆบงฦแมยดยๆข /ดีดดิ้นหน้าคีย์บอร์ด
คืออออออตอนหนึ่งว่าดีแล้ว ตอนสองคือดีงามมากกกกกกกกกกกก เขินจนมือสั่นเลยค่ะ!
ชอบภาษาของคุณมากๆ งามจนเขิน ฟินระดับพันเจ็ดร้อยมิลลิกรัม เราชอบฟิคภาษางามๆแบบนี้ค่ะ อ่านแล้วจับใจ อุ่นมากๆ เราเป็นคนไม่ถนัดภาษาสวยๆเท่าไหร่ ชื่นชมมากๆค่ะ (:
มีอีกเรื่องจะดีมากนะคะ /หัวเราะ
ส่วนตัวชอบประโยคนี้ค่ะ
“เจ้ารักข้าหรือ เจ้ารักข้าเฉกใบไม้รักแสงอาทิตย์ และเฉกดินรักสายฝนหรือ”
/เข้าสิงออโรร่า
ขอบคุณสำหรับฟิคดีๆค่ะ อบอุ่นหัวใจจัง
ตอนสองนี่เราเขียนได้ลื่นไหลมากกว่านิดหน่อยค่ะ รู้สึกว่าอินมากขึ้นระหว่างขึ้น คำพูดตัวละครไหลออกมาง่ายขึ้น ดีใจที่ถูกใจ ขอบคุณสำหรับเมนต์มาก ๆ เลยค่า ❤ ❤ ❤ ชอบที่ได้เขียนคำพูดของตัวละครทุกตัวในฟิกนี้เลยค่ะ
อีกเรื่องหนึ่งเอาไว้เวลาอำนวย แล้วคิดอะไรใหม่ได้ อาจจะเขียนเพิ่มนะคะ ฮาาา
เราเขียนเองก็ชอบประโยคนั้นเป็นการส่วนตัวเหมือนกันค่ะ เหมือนกับว่า… คู่อื่น ๆ ที่เราได้เขียนมาไม่ค่อยได้ถามอะไรแบบนี้ แล้วก็คิดว่าคำถามแบบนี้แหละสมเป็นขุ่นแม่มะลิจะถามกับออโรร่า เพราะออโรร่าก็คงเข้าใจได้ทันที
ชอบการอธิบายความรักของมาเลฟิเซนท์ค่ะ
เป็นมุมที่ใช่สำหรับคาแรกเตอร์ภูตจังเลย
และเรื่อง once upon a dream แปลตัวเพลงเข้ากับเนื้อเรื่องได้สวยมากเลยค่ะ
สรุป เป็นฟิคสั้นที่ชอบมาก ขอบคุณนะคะ
ฮือออ ขอบคุณสำหรับเมนต์มากค่ะ ❤ เมื่อสมัยเด็ก ๆ เราชอบเพลง Once Upon a Dream มาก และยิ่งชอบเวอร์ชั่นใน Maleficent เข้าไปใหญ่ ชอบความเกี่ยวเนื่องของความฝันและคู่นี้ด้วยค่ะ 🙂
ฟินจนลืมทานข้าวเลย 5555
ชอบมากๆๆ
จะบอกว่า little beastie มันแปลว่า ‘โฉมงามน้อย’ ไม่ใช่ อัปลักษณ์ น่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไร แค่นี้ก็ฟินจนหุบยิ้มไม่ได้ละ
อยากให้มีอีกมากกกกกกกกกกกก เชียร์ให้แต่งต่องับ><
อ่านผิด อัปลักษณ์อ่ะถูกละ 5555
555 ดีใจที่ทำให้ฟินกันได้นะคะ เราประทับใจบรรยากาศคู่นี้จริงๆ อบอุ่นดี แต่ก็อยากเขียนฟิกที่แสดงถึงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางจิตใจของสองคนนี้ด้วย ได้เขียนแล้วมีความสุขดีค่ะ
ถ้าจะได้เขียนฟิกคู่นี้อีกคงต้องกลับไปดู Maleficent อีกรอบ ไม่ได้แตะการเขียนฟิกยาว ๆ มาพักใหญ่เลยค่ะ