Posted in Articles, Reviews

[วิเคราะห์] ธีมและสัญลักษณ์ใน Puella Magi Madoka Magica the Movie: Rebellion

หนังไตรภาค Puella Magi Madoka Magica กำกับโดยอะคิยูกิ ชินโบ เขียนโดยเกน อุโรบุชิ

เราพยายามเน้นวิเคราะห์ภาค 3 “Rebellion” นะคะ แต่ก็มีอ้างอิงเอ่ยถึงสองภาคแรกเพื่อเปรียบเทียบและเชื่อมโยง

มีข่าวออกมาว่าจะมีหนังภาค 4 ออกมาเพิ่มปีหน้า (ซึ่งถ้าให้ตีความสัญลักษณ์ใน trailer แล้วก็… คลุมเครือ รอดูของเต็มเลยดีกว่า…) เราจึงหยิบมาดูใหม่ เขียนบทวิเคราะห์ซะเลยเพราะกะจะเขียนตอนดูครั้งแรกเมื่อปี 2014 จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เขียนสักที TvT

SPOILERS หนังไตรภาค Puella Magi Madoka Magica

puella-magi-madoka-magica-movie-3-rebellion

ธีมที่สอบเนื่องมาตั้งแต่สองภาคแรก: Beginnings กับ Eternal

สองภาคแรกเน้นธีม:

วัฏจักรความหวัง vs. ความสิ้นหวัง เมื่อความหวังบังเกิดขึ้นก็ย่อมมีความเส้นหวัง ทุกอย่างนำกลับมาที่ศูนย์เพื่อคงความสมดุลเอาไว้ ถ้าเป็นในแง่มุมของชาวพุธก็เป็นเรื่องของการมีความสุขก็ย่อมมีความทุกข์ หากเป็นแง่มุมของชาวคาทอลิก/คริสเตียน คำว่า despair นั้นก็ถือเป็นสิ่งที่สวนทางกันกับหลักแนวคิดที่ให้มีความหวัง มันคือที่สุดของความมืดก็ว่าได้ เพราะความหวังเป็นเหมือนต้นเหตุของแสงสว่าง

Consequentialism ซึ่งถือว่าความชอบธรรมของการกระทำนั้นตัดสินด้วยผลลัพธ์ หรือก็คือ  the ends justify the means – เป้าหมาย/ผลนั้นดีเป็นสิ่งสำคัญ แล้วจะใช้-วิธีไหนก็ถือว่ายอมรับได้

Utilitarianism (ประโยชน์นิยม) ผสมกับ consumerism (บริโภคนิยม) คือมีความเชื่อในการเอาประโยชน์สูงสุด เพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ ในหนังสองภาคแรกนำเสนอมาในแนวประมาณว่าทำไมล่ะ สิ่งที่ฉันทำกับเธอ ถึงเธอจะเดือดร้อน แต่ก็เหมือนเธอที่เธอทำกับสัตว์โลกนะ เธอดูแลสัตว์ที่เธอกิน ถึงจะฆ่ามันภายหลังแต่ก็ถือว่าเป็นการเอื้อกันเอง ก็เป็นสิ่งเดียวกับที่ประโยชน์ของจักรวาลโดยรวมที่ได้จากสาวน้อยเวทมนตร์

นอกจากนั้นเราคิดว่าสองภาคแรกเป็นการแสดงให้เห็นส่วนหนึ่งของ “โลกความเป็นจริง” ตามมุมที่เกน อุโรบุชิต้องการนำเสนอ ซึ่งนำมาสู้ธีมของความจริงไม่ได้มีเพียงด้านเดียว คิวเบย์สัตว์ตัวเล็กที่ดูไม่มีพิษมีภัย โผล่มาเสนอว่ามาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์เถอะ! ถ้าเป็นแล้วเราจะให้แบบนี้ ๆ ตามที่ท่านต้องการ เสนอที่จะทำความหวังของท่านให้เป็นจริง แต่ทางเราไม่ได้อธิบายรายละเอียดว่าท่านต้องเจอกับอะไรบ้าง จะเรียกว่า evil ได้รึเปล่า ก็อาจจะไม่เชิง คิวเบย์จะไปสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้เป็นสาวน้อยเวทมนตร์ก็น่าจะได้ แต่ไม่ทำ ปล่อยให้เป็นทางเลือกของพวกตัวเอกล้วน ๆ สุดท้ายก็เป็นเพราะ “เธอไม่ได้ถาม” ธีมตรงนี้ก็พยายามให้คนดูได้สัมผัสเองด้วยจากการให้คนดูได้ค่อย ๆ เห็นความจริงแต่ละด้านเมื่อเนื้อเรื่องดำเนินไป ในตอนแรกก็ไม่มีใครรู้ว่าโฮมูระเป็นใคร เป็นต้น

.

.

ธีมในภาค 3: Rebellion

โดยรวมแล้วภาค Rebellion ก็ยังมีธีมในสองภาคแรก แต่ขยายต่อไปอีก เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการกบฏต่อพระเจ้า

ภาค Rebellion ขยายต่อจาก hope vs. despair และเริ่มพูดถึง desire vs. order (ความปรารถนา vs. กฎ) เมื่อคนเราแหกกฎเพื่อความปรารถนา

ธีมอีกอันที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดคือ ความรัก ในภาคนี้จะเห็นการเปรียบเทียบระหว่างความรักของมาโดกะกับความรักของโฮมูระ ความรักของมาโดกะก็สะท้อนความรักที่เสียสละโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของตัวเอง ความรักที่ไม่อิจฉา ไม่โกรธเคียง ความรักต่อเพื่อนมนุษย์ทุกคน ความรักที่ไม่ทำร้ายใคร (อ้างอิง I Corinthian 13:4-7 – “Love is patient, love is kind. It does not envy, it does not boast, it is not proud. It does not dishonor others, it is not self-seeking, it is not easily angered, it keeps no record of wrongs. Love does not delight in evil but rejoices with the truth. It always protects, always trusts, always hopes, always perseveres.”) ในขณะที่ความรักของโฮมูระ… คนดูบางส่วนอาจดูแล้วคิดว่ามันดูเป็นความรักครอบครองเกินเหตุ หรืออาจจะเป็นความรักที่เห็นแก่ตัว แต่เราว่ามันใกล้เคียงกับของมาโดกะ แต่มาต่างกันตรงที่เอา desire มาก่อน ซึ่งนำไปสู่คำถามที่ว่า หรือว่านี่จะเป็นธรรมชาติของมนุษย์ พวกเราคือเผ่าพันธุ์ที่มี desire เป็นแรงผลักดันโดยธรรมชาติ แต่ก็ใช่ว่าความรักแบบมาโดกะจะไม่มีอยู่จริง เพียงแต่เป็นสิ่งที่ยากที่จะอยู่ในรูปแบบตัวตนของมนุษย์ แต่ความรักของมาโดกะอยู่ในรูปแบบ “คอนเซปต์” ที่ผลักดันให้ผู้คนมีความหวังและไม่ร่วงหล่นสู่ความสิ้นหวังนั่นเอง

.

.

สัญลักษณ์:

.

การแปลงร่าง

การแปลงร่างในภาค Rebellion เราสนใจตรงท่าเต้นของแต่ละคน

มามิเต้นบัลเลต์ โดยรวมแล้วเป็นสัญลักษณ์ของความสง่างามและความสมบูรณ์แบบ แต่ท่าเต้นของมามิจะออกไปทาง ice skating มากกว่าท่าเต้นบัลเลต์ของโฮมูระ ท่าเต้นของมามิกระตุ้นความรื่นเริงกับความคึกคัก ฉากหลังเป็นดอกไม้ ในกรณีนี้เรามองว่าแสดงถึงความเป็นหญิง ตรงที่หมุนตัวรอบสุดท้ายมีลักษณะเหมือน grief seed ก่อนที่จะฉีกและหลุดออกจากความมืดในฉากที่แปลงร่างเสร็จ

เคียวโกะ (คนโปรดของเราเอง TvT ) เต้น Spanish dance เป็นสัญลักษณ์ของ passion และความรักที่เร่าร้อนเสมือนลุกเป็นไฟ ฉากหลังน่าจะเป็น… ผล apricot เพราะชื่อเคียวโกะมีตัวอักษรที่แปลว่า apricot (杏子) ที่เป็นสัญลักษณ์ของพลังที่ป็นผลมาจากอุปสวรรคของความทุกข์ยาก ช็อตที่แปลงร่างเสร็จมีการฉีกออกออกด้วยมือ เหมือนจะสื่อถึงการทำลาย ก่อนจะหลุดออกมาเป็นช็อตที่แปลงร่างเสร็จ

ซายากะเต้น break dance ซึ่งน่าจะสะท้อนบุคลิกลักษณะทอมบอย ๆ ของเธอ แต่คิดว่าคงเป็นการสะท้อนด้วยว่าเธอลืมเคียวสุเกะแล้ว (เพราะเคียวสุเกะเป็นดนตรีคลาสสิค) จะเรียกว่านี่คือตัวตนของซายากะที่ไม่เกี่ยวข้องกับเคียวสุเกะก็ว่าได้ ถ้าเคียวโกะเป็นเหมือนไฟ ซายากะคงเป็นธาตุน้ำ มีฉากที่เธอวิ่งชนตัวเองก่อนจะหลุดจากความมืดอีกเหมือนกัน (ของซายากะน่าจะหมายถึงการต่อสู้กับตัวเอง)

โฮมูระก็เต้นบัลเลต์เหมือนกับมามิ ที่สองคนนี้ใช้บัลเลต์เหมือนกันอาจจะสะท้อนความเด็ดเดี่ยวที่ทั้งคู่มีเหมือนกัน (ทั้งสองเป็นตัวแทนของ determinism) แต่ไปคนละทาง ท่าเต้นของโฮมูระกระตุ้นคนละความรู้สึกกับมามิ จะแสดงถึงการมีภาระผูกพันและความเศร้า เราเห็นช็อตแวบ ๆ ของตัวอักษรแม่มด (เป็นการใบ้คำตอบของปริศนาในเรื่องให้คนดู) ฉากหลังมีเส้นด้ายสีชมพูและม่วง น่าจะสื่อถึงเส้นด้ายโชคชะตาที่ผูกเอาไว้ระหว่างเธอกับมาโดกะ มีช็อตที่เหมือนแผ่นฟิล์มผ่านไปด้วย (เป็น motif เชื่อมโยงกับฉากแรก ๆ ของหนังที่ต้อนรับทุกคนสู่โรงภาพยนตร์) เธอเองก็มีช็อตที่หลุดจากความมืดเหมือนกับคนอื่น

มาโดกะ เป็นท่าเต้นไอดอลสาวญี่ปุ่น ก็น่าจะเพราะเธอเป็น idolised figure ของโฮมูระ ของพวกพ้อง (และอาจจะของโลก ในฐานะพระเจ้า) มีแค่มือที่สว่าง มือของมาโดกะน่าจะเชื่อมโยงกับการใช้พลังในรูปแบบพระเจ้า (ตอนเธอช่วยคนอื่นเธอยื่นมือไปก่อน ตอนจบโฮมูระคว้ามื้อของเธอก่อนจะตัดเธอออกจากความเป็นพระเจ้า) ฉากหลังเป็นรูกุญแจกับกุญแจ เพราะเธอเป็นกุญแจสำคัญที่จะมาปลดล็อคโฮมูระในตอนท้าย มีดอกเดซี่ซึ่งมักจะมีความหมายเกี่ยวข้องความไร้เดียงสา ความบริสุทธิ์ รักแท้ การเริ่มต้นใหม่ มาคู่กับ clover ที่มีสี่ใบที่เป็นสัญลักษณ์ของความโชคดี ภาพตัวมาโดกะที่จับมือเรียงกันน่าจะหมายถึงตัวตนที่มีอยู่มากมายในหลาย timeline และตัวตนที่มีอยู่ในทุก ๆ ที่ในฐานะพระเจ้า ตอนแปลงร่างเสร็จใช้มือปิดโชว์ตาข้าวเดียว เราตีความว่าเป็นดวงตาของพระเจ้าอีกเหมือนกัน ประมาณ the great eye ที่มองเห็นทุกสิ่ง และมาโดกะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้หลุดออกจากความมืดแบบคนอื่น แต่เราเห็นแก้วแตก (เชื่อมโยงกับตอนจบที่เหมือนเธอจะแตกออกจากอัตตาความเป็นพระเจ้า) และมีเส้นสายรุ้ง เหมือนฟ้าหลังฝน (มีแถบสายรุ้งในฉากของโฮมูระแบบแม่มดด้วย ซึ่งสายรุ้งนั้นน่าจะเป็นความคิดถึงมาโดกะที่เป็นเสมือนฟ้าหลังฝนของโฮมูระ)

.

ใครคือเค้ก

ระหว่างร้องเพลงใครคือเค้ก แต่ละคนก็วนตอบไป

ซายากะ คือราสเบอร์รี่ เราตีความว่าเพราะราสเบอร์รี่คือสัญลักษณ์ของความใจดีในศิลปะของคริสเตียน น้ำสีแดงคือเลือดที่ไหลผ่านหัวใจ ซึ่งถือกันว่าความใจดีแผ่ออกมาจากส่วนนั้น คิดว่านี่น่าจะเชื่อมโยงกับสิ่งที่ซายากะพยายามจะเป็น เหตุผลที่เธอมาเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ส่วนหนึ่งก็เพราะความใจดี เธออยากเป็นสาวน้อยเวทมนตร์ในแบบที่เธอต้องการจะเป็น (ช่วยคนอื่น) ก็เพราะความใจดีอีกเหมือนกัน

เคียวโกะ คือแอปเปิ้ล สัญลักษณ์ของความรู้ ความอมตะ การล่อลวงและบาป ในภาษาละตินคำว่าแอปเปิ้ลกับ evil นี่เกือบจะเหมือนกัน (malum) หลัก ๆ เราคิดว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องราวชีวิตของเคียวโกะที่ถูกมองจากคุณพ่อว่าเป็นแม่มด เหมือนผู้ถูกล่อลวงและคนบาปที่ถูกขับไล่

มามิ คือชีส เป็นคนเดียวในกลุ่มที่ไม่ใช่ผลไม้ อันนี้เราคิดว่าเป็นเพราะมามิไม่ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ เธอมักจะสร้างฉากหน้าที่เข้มแข็งที่เหมือนมีการปรุงแต่งมาแล้ว และในหนังมี irony ตรงที่ว่าเบเบชอบกินชีสมากที่สุด ซึ่งในอีก timeline หนึ่ง มามิถูกกิน/ฆ่าโดยเบเบ (ภายหลังมีฉากหนึ่งที่มามิพูดกับเบเบว่าระวังจะกลายเป็นชีสนะ ซึ่งอาจจะสะท้อนแนวคิดเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กที่มีอยู่ในภาคแรกๆ ถ้าไม่ระวังก็จะกลายเป็นผู้ถูกล่าเอาได้เหมือนกัน)

โฮมูระ คือฟักทอง สัญลักษณ์ของ Jack-O-Lantern หัวฟักท้องของฮัลโลวีน เกี่ยวข้องกับเรื่องราวแจ็ค ผู้ชายที่หยุดปิศาจไม่ให้เอาวิญญาณเขาไปนรก แต่สุดท้ายก็ไปไม่ได้ทั้งนรกและสวรรค์ เพราะสวรรค์ไม่รับ แต่จะไปนรกก็ไม่ได้เหมือนกันเพราะปิศาจสัญญาไว้แล้ว (โซลเจมของโฮมูระในตอนจบก็ดูคล้ายฟักทองด้วย) ฟักทองดูเหมือนจะหลุดออกมาจากปากของตัวฝันร้ายแล้วค่อยตัดฉากไป ในขณะที่ของคนอื่น ๆ ไม่ได้เป็นแบบนั้น อาหารของคนอื่นจะเหมือนถูกป้อนให้ตัวฝันร้าย

มาโดกะ คือเมลอน เป็นผลไม้ตระกูลที่เชื่อมโยงกับฟักทอง อาจจะต้องการสื่อความแตกต่างของเธอกับโฮมูระ ในขณะเดียวกันก็แสดงถึงโชคชะตาที่ผูกกัน มาโดกะร้องว่า “เมื่อเมลอนแตกออก มันนำฝันดีมาสู่ทุกคน” (โยงกับตอนจบของหนังภาค 2 ที่ตัวตนของมาโดกะแตกกระจายออกไปกลายเป็นเพียงคอนเซปต์ ที่นำความหวังมาให้มนุษยชาติ และโยงกับตอนจบของหนังภาคนี้เช่นเดียวกัน)

.

ฉากรู้ความจริง

ตอนที่โฮมูระรู้ความจริงว่าใครคือแม่มด เธอขึ้นไปนั่งบนรถบัส และมีนาฬิกาจะตีบอกเวลาใกล้เที่ยงคืน พอถึงจังหวะที่เธอรู้ความจริงก็มีนกฮูกบินมา เป็นสัญลักษณ์ของความรู้ เมื่อรู้ก็บังเกิดไฟขึ้น แสดงถึงความโกรธ ความเดือดดาล ความทุกข์ร้อนใจ แล้วเวลาก็ตีบอกเวลาเที่ยงคืน ถือเป็นเริ่มต้นวันใหม่ หรือจะเรียกว่ากลับมาที่ศูนย์ดี… อีกนัยหนึ่งอาจจะหมายถึงการที่เวลาที่ถูกหยุดไว้ได้เดินต่อแล้ว

.

อื่น ๆ

โบว์สีแดงของมาโดกะ น่าจะหมายถึงเส้นดายของโชคชะตาแต่แรก เธอเลือกใส่โบว์อันนี้วันแรกที่เจอโฮมูระ (อย่างน้อยก็ในไทม์ไลน์ที่อยู่ในภาคแรก) เธอให้โบว์อันนี้กับโฮมูระตอนที่กลายเป็นพระเจ้า สุดท้ายในตอนจบโฮมูระก็คืนโบว์นี้ให้กับเธอ

.

.

.

ที่จริงอยากจะวิเคราะห์ Homulily ด้วย แต่แค่วกกลับไปดูฉากนั้นอีกทีก็… เยอะอยู่ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ ยาวแล้ว orz อื่น ๆ ถ้าไม่สปอยล์เป็นพิเศษอาจพล่ามในทวิตเตอร์แทนค่ะ

ทั้งนี้มีคนตีความหมายในมาโดกะไว้ร้อยแปด ของเราก็เป็นเพียงมุมหนึ่ง /โค้งรอบวงแล้วจากไปย์

Posted in Gallery

Free Paper 2013

Dreizehn Tredici

Free Paper ของเซอร์เคิลเรา ที่ออกในงานComic Avenue I  ปี2013ค่ะ

เป็นเรื่องของรุ่นปู่เช่นเคยค่ะ (Grindelwald x Dumbledore)

Freepaper 2013by dreizehnTredici

ปกGellert Grindelwald

.

.

เนื้อในเป็นเรื่องสั้น 6หน้าค่ะ

.

Freepaper GA1

Freepaper GA2

Freepaper GA3

Freepaper GA4

Freepaper GA5

Freepaper GA6

………………………………………………………………………………….

จบแล้วค่า

View original post

Posted in Gallery

Free Paper 2015

Dreizehn Tredici

Free Paper ที่ออกในงาน Comic Survival ค่ะ(04/08/15)

 .

.

.

Elder & Rowan

.

.

FreePaper2015 000

(Grindelwald x Dumbledore)

.

.

FreePaper2015 001

FreePaper2015 003

FreePaper2015 003d

FreePaper2015 004

FreePaper2015 005

……………………………………

.

.

.

FreePaper2015 006

…………………………………………………………………………………………………….

.

.

.

(Gregorovitch & Ollivander)

.

.

FreePaper2015 008

FreePaper2015 009

FreePaper2015 010

FreePaper2015 011

FreePaper2015 012

………………………………………………………………………………….

View original post

Posted in Writing

[Christoper/Osbourne] Christmas, 2016

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ
Rating: PG

 

_

 

 

 

[ออสบอร์นเอาของไปวางใต้ต้นคริสต์มาสหลังจากที่รักหลับไปแล้ว เป็นซองจดหมายสีชมพูอ่อนจางแนบอยู่พร้อมกับแผ่นซีดีแผ่นหนึ่ง แผ่นซีดีอยู่ในกล่องใส่ซีดีบางใสธรรมดา

 

ทั้งบนซองจดหมายและบนหน้าซีดีเขียนไว้ว่า

 

‘For Chris

Christmas, 2016

From Santa’

 

ในซองสีชมพูเป็นจดหมาย กระดาษขาว เขียนด้วยลายมือที่ออกหวัดแต่ก็ดูจะพยายามเขียนให้เป็นระเบียบ]

 

 

 

หมายเหตุ: พยายามอย่าอ่านจดหมายฉบับนี้ต่อหน้าผมเลยนะครับ (ผมเขินน่ะครับ)

 

คริส ที่รัก

 

สุขสันต์วันคริสต์มาสครับ ขอให้มีความสุขมาก ๆ  สุขภาพแข็งแรงครับ อาจจะแปลกอยู่สักหน่อยที่อยู่บ้านเดียวกันแล้วยังตัดสินใจเขียนจดหมายให้ แต่คิดว่าอย่างน้อยที่รักก็จะได้มีอะไรเป็นที่ระลึกอ่านได้ ถึงอย่างนั้น สมัยนี้อาจจะเชยเกินไปแล้วรึเปล่านะครับ ที่รักจะชอบ e-card มากกว่าไหมนะครับ ในเมื่อสามารถเปิดดูโดยไม่ต้องยึดกับตัวกระดาษ กระทั่งซีดีก็อาจจะดูเชยเกินไปหน่อย… คิดแบบนั้นแล้วเวลาก็ผ่านไปเร็วเอามาก ๆ เลยล่ะครับ สมัยเด็กผมยังไม่มีเครื่อง VCD เลย

 

ตอนแรกว่าจะถักอะไรให้ แต่ก็อยากให้อะไรที่ต่างออกไปจากเดิมสักหน่อยน่ะครับ ระหว่างที่เขียนอยู่นี่ก็เพิ่งมาคิดเอาตอนนี้ว่า น่าจะให้อะไรที่เป็นประโยชน์กว่านี้ ถึงอย่างนั้นผมก็หวังว่าที่รักจะชอบของขวัญชิ้นนี้นะครับ

 

เขียนเป็นจดหมายก็อยากจะพยายามเล่าอะไรที่สวยงามให้คุณฟังนะครับ ทุกวันนี้ผมพยายามจะตื่นนอนเวลาเดิมหรือใกล้เคียงกับเวลาเดิมหน่อย บางวันก็อาจได้ตื่นมาชงชาให้ที่รักบ้าง แต่บางวันก็เผลอตื่นเลยเวลาที่คุณไปทำงานแล้ว (พยายามไม่ลืมที่จะซื้อชาพีชมา พวกชาผลไม้สดชื่นดีนี่นะครับ ช่วงนี้ที่รักชอบชาแบบไหนอีกรึเปล่าครับ เขียนไว้ใน post-it note แปะทิ้งไว้บนโต๊ะในห้องครัวได้นะครับ) แต่ทุกวันนี้ ดูเหมือนว่าจะตื่นมาด้วยความรู้สึกสงบล่ะครับ แล้วก็หลับค่อนข้างสนิท อาจยังคงมีอยู่บ้างที่ผมหลับไม่สนิท แต่นั่นคงเป็นที่ผมเองที่เป็นแบบนั้นมายาวนาน แต่ปกติถ้าสะลึมสะลือแล้วรู้สึกถึงตัวตนที่รักอยู่กลางดึกก็กลับไปหลับได้โดยง่าย ส่วนตอนตื่น—ผมจำได้ว่าที่รักเคยพูดถึงกลิ่นของผม ผมเองก็คิดว่าที่รักเองก็มีกลิ่นเฉพาะตัวเหมือนกัน อาจจะไม่เหมือนอะไรที่ผมคุ้นเคยในวัยเด็กเลย แต่ก็คงต้องเป็นกลิ่นที่ผมได้เรียนรู้ที่จะคุ้นเคยและรู้สึกปลอดภัยด้วยแน่ ๆ  พอผมเข้าครัวไปชงกาแฟให้ตัวเอง แล้วเริ่มตาสว่างขึ้นอย่างเชื่องช้า ก็ค่อย ๆ ตระหนักว่ากำลังเป็นส่วนหนึ่งของบ้านหลังนี้ ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ผมปั่นจักรยานออกไปบ้าง แต่ข้างนอกค่อนข้างวุ่นวาย ก็เลยพยายามรีบกลับ เวลาที่ปั่นจักรยาน ผมมักจะไม่ได้เห็นทั้งอาทิตย์ขึ้นหรืออาทิตย์ตกดิน มาถึงบ้านก็มีแสงไฟนีออน ถึงห้องนอนถ้ามองหน้าต่างบนเพดานก็ได้เห็นแสงดาวหรือแสงจันทร์ ถ้ามีที่รักอยู่ด้วยก็มีแสงสว่างเหมือนอยู่กลางทุ่งหญ้า ทั้งวันผมก็เลยไม่ได้อยู่กับความมืด ทุกวันนี้ผมอาจจะไม่ได้เสี่ยงชีวิตแบบเก่า แต่ผมคิดว่าอย่างน้อยผมก็คงพอทำอะไรที่เปลี่ยนอะไรบ้างในโลกอันกว้างใหญ่นี้ บางทีอาจสร้างโลกที่สวยงามเล็ก ๆ ให้ที่รักได้ด้วย บางครั้งที่ออกไปข้างนอกก็เห็นเหล่าผู้คนไม่มีบ้านบ้าง ก็คิดขึ้นมาว่า ตลอดมาผมโชคดีเพียงพอที่มีที่อยู่อาศัยตลอด แม้จะเคยมีประสบการณ์ต้องตากอากาศหนาวอยู่ข้างนอกโดยไม่มีที่นอนมาก่อน ผมไม่มีวันเหล่านั้นอีกแล้ว ไม่มีกระทั่งวันที่ลืมเปิดฮีทเตอร์ปล่อยให้ตัวเองนอนหนาวโดยไม่สนใจอะไร ผมคิดว่า ที่ผมไม่ได้อยู่กับความมืดอีกแล้ว ก็คงเพราะที่รักพยายามปกป้องผมเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ผมรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม

 

ที่จริงส่วนหนึ่งของผมอาจจะตายไปแล้วในวันนันเมื่อนานมาแล้ว และที่รักก็ทำให้ผมฟื้นขึ้น สร้างวัยเด็กให้ผมใหม่ ทั้งที่ผมก็ไม่ใช่ทั้งเด็กดี และก็ไม่ใช่ทั้งคนดี (ผมพูดตามที่ใจจริงของผมคิดนะครับ) แต่ว่า… ผมก็สามารถพยายามเป็นเด็กดี ผม [ขีดฆ่าอะไรสักอย่างคล้ายลังเลเปลี่ยนใจสิ่งที่จะพูด] คิดว่าผมเองก็มีส่วนจริง ๆ ที่ทำให้คุณพ่อและคุณแม่เลิกรักผม และผมก็คงทำลายบางอย่างในตัวพวกท่านไปแล้ว ผมไม่อยากให้ส่วนใดของจิตวิญญาณของที่รักถูกทำลายลง ปรารถนาให้ที่รักรู้สึกปลอดภัยที่ได้รักคนคนนี้ ที่จริงแล้วที่รักเป็นเด็กดีมาตลอด เพราะแบบนั้นคุณซานต้าถึงขอให้ผมช่วยทำของขวัญให้ ที่รักเป็นตัวอย่างเด็กดีของผม ที่รักเป็นตัวอย่างความรักของผม ต่อให้เห็นในทีวีบ่อยแค่ไหน ผมไม่รู้โดยแท้จริงว่า ปกติแล้ว พ่อแม่ให้ความรักกับลูกแบบไหน ผมเคยมีความทรงจำดี ๆ ในวัยเด็กบ้างก็จริง แต่ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว ผมมองที่รัก แล้วก็คิดว่า ป๊ะป๋าคงมอบความรักแบบนี้

 

เพราะฉะนั้น ผมก็อยากจะเป็นคุณแม่ที่ดีให้คุณได้—โดยไม่ได้ตั้งใจจะคิดทดแทนคุณแม่ที่แท้จริงของคุณแต่อย่างใด ผมเพียงแต่ต้องการที่จะสามารถอยู่เคียงข้างคุณในแบบนั้น คิดว่า บางส่วน บางอย่างในตัวผม อาจสามารถเป็นผู้ดูแลและผู้พิทักษ์ของคนที่ผมรักได้บ้างเหมือนกัน ปีที่ผ่านมานี้ผมปล่อยให้ตัวเองทำตัวเป็นเด็กเล็ก ๆ ต่อหน้าคุณ ซึ่งแม้กระทั่งหลังจากพวกเราตกลงเป็นคนรักกันแล้ว ผมเองก็ใช้เวลานานนักจึงจะวางใจปล่อยให้ตัวเองทำตัวเช่นนั้น ผมคิดว่า คงไม่แปลก หากที่รักจะใช้เวลาเช่นกันในการจะวางใจผมไม่ว่าในแบบไหนก็ตาม ถึงอย่างนั้น ผมก็หวังว่าผมคงสามารถทำให้คุณรู้สึกเหมือนโดนอุ้มแล้วจะไม่โดนปล่อยให้ร่วงลงได้

 

ให้เกียรติผมโอบอุ้มคุณไว้นะครับ ในเมื่อคุณเป็นหมอ อาจจะไม่มีเวลามาอยู่กับผมในวันนี้ก็ได้ แต่คุณซานต้าคงให้พรคุณอยู่แน่ ๆ

 

รักครับ

เรจินัลด์

 

ปล. ฟังซีดีแล้ว อย่าหัวเราะต่อหน้าผมนะครับ (ฮือ)

 

[ในซีดีมีเพลง The Way You Look Tonight กับ L-O-V-E ของแฟรงค์ ซินาต้า ร้องด้วยเสียงของออสบอร์น ถึงเนื้อเสียงจะไม่มีพลังนักแต่ก็ร้องได้ถูกคีย์และอัดเข้ากับทำนองได้ดี]

 

 

 

The End.

 

ทิ้งท้าย:

OLYMPUS DIGITAL CAMERA
เขาซื้อกาแฟจากเมื่อวันก่อนคริสต์มาสอีฟ แล้วได้คุกกี้คุณขนมปังขิงมาด้วย สุดท้ายก็เลยเดินไปซื้อคุกกี้ขนมปังขิงเพิ่มมา เอามาใส่กระปุกทิ้งไว้ที่โต๊ะอาหาร
Posted in Writing

[WWW] 23rd December, 2016

www6.jpg

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ #WWWXmas2016 คอมมู World Wizarding War

 

_

 

 

 

23rd December, 2016

 

ไม่ว่าในสถานการณ์ใด เวทมนตร์นั้นคืออำนาจ ลาน่า เบอร์แทรมมองไม้กายสิทธิ์คุ้นมือที่ไร้ประโยชน์พลันไร้ประโยชน์ต่อตนเอง ถ้าเพียงแต่เธอทำอะไรได้—ความใคร่รู้เข้าครอบงำ ทำไมลำพังคาถาเรียบง่ายจึงไม่ได้ผล เหตุใดกับคนอื่นจึงได้ผล เป็นเรื่องของไม้กายสิทธิ์หรือ ย่อมไม่ใช่ เธอเชื่อใจไม้กายสิทธิ์ของเธอเสียยิ่งกว่าเชื่อใจมนุษย์ปกติทั่วไป ไม่ใช่ที่ไม้ อาจด้วยสถานที่ – ก็ด้วยเวทมนตร์ที่มีอำนาจเหนือกว่าในสถานที่นั้น ๆ กระมัง (—หรือว่าเธอมีบางอย่างที่ต่างจากคนอื่นในตอนนี้)

ครั้นตระหนักว่าประโยชน์ของเธอลดลงไปกว่าครึ่ง เธอก็คงไม่อาจยืนอยู่เป็นตัวถ่วงเช่นนั้น จึงก้าวต่อไปเรื่อย ๆ ท่ามกลางหิมะสีขาว ไม่ทันสังเกตถึงความหนาว (—ไม่ทันสังเกตว่าเลือดเนื้อของเธอตระหนักถึงความหนาวหรือไม่) เธอสาวเท้าไปบนหิมะ เจอกำแพงหิมะกีดขวางที่ลำพังมือเล็ก ๆ ของเธอไม่อาจทำอะไรได้ เธอก้าวไปตามสัญชาตญาณ มีบางอย่างเกี่ยวกับที่นี่ที่ทำให้เธอคิดว่าควรเร่งรีบ (—มีบางอย่างที่เลื่อนลอย มีบางอย่างที่เธอพลาดไป แววตาชวนสงสัยของคนอื่นหรือ คำพูดคลุมเครือ มีบางอย่างห่างเหินระหว่างเธอกับ—บางสิ่ง) ความกลัวเช่นนั้นหรือ

เธอเร่งฝีเท้าไปตามทาง เห็นรอยเท้าที่ทอดยาวไปข้างหน้า การส่งเสียงเรียกที่ไปไม่ถึง—มีเพียงมือที่ถือไม้กายสิทธิ์ที่ไร้ประโยชน์ในสถานที่นี้ – นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอใช้มันไม่ได้

ตัวเธอในเวลานี้ก็เป็นเสมือนมักเกิ้ล

ทว่าปกติแล้วเธอไม่เคยเหงา โดยปกติแล้วเธอมักจะอยู่คนเดียว แต่ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว ที่นี่เอง ก็ไม่ควรเป็นข้อยกเว้น เธอนึกถึงชายแปลกหน้าในผ้าคลุมที่เจอระหว่างทาง

คำพูดของเขาแปลกหู ความนัยของเขาคลุมเครือ ‘วิญญาณ’ เขาเรียกเธอเช่นนั้น ย่อมเป็นเรื่องปกติ แม่มดที่ร่ายเวทมนตร์ไม่ได้คงไม่ต่างอะไรกับวิญญาณ เธอควรจับกุมเขา หรือเสวนาบางอย่างด้วย ทว่าทุกอย่างดูจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็หายไป ครั้งนี้เป็นเธอเองที่ตอบสนองช้า แต่แล้วก็มาตระหนักเอาทีหลังว่าหากเขาสามารถใช้เวทมนตร์ตามปกติที่นี่ได้ เธอก็คงไม่อาจป้องกันตัวเองได้ (—เธอควรรู้สึกกลัวหรือไม่ เธอเองยังไม่ทันสังเกต แต่หากรู้สึก นั่นคงเป็นความกลัวในแบบที่มักเกิ้ลกลัวผู้มีพลังวิเศษ)

หากเพียงแต่เธอเจอเงื่อนงำบางอย่าง ก็อาจช่วยอะไรใครได้บ้าง

เคนเนธเงียบเป็นปกติ เขามักจะเงียบเวลาที่เธอทำภารกิจ

(ชั่ววูบหนึ่งเธอรู้สึกเหมือนไม่ได้คุยกับเขามานาน ทั้งที่เธอก็คงเพิ่งคุยกับเขาเมื่อวานนี้เอง—เมื่อวาน—)

เธอเหลือบมองฟากฟ้าดำมืดที่มีหิมะโปรยปราย เสมือนจะแทนที่ดวงดาว ดูโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงาจนเกือบจะน่ากลัว ราวกับเป็นสถานที่ที่เก็บรวบรวมความรู้สึกที่เธอไม่ค่อยรู้จัก

ที่ไหนกัน

ถ้าใช่ยุโรป แล้วนี่มันฤดูหนาว… ตั้งแต่เมื่อไร

เธอคิดก่อนจะหลุดจากสถานที่นั้นได้ในที่สุด

อย่างน้อย วันนี้เธอก็รอดตาย (อย่างน้อย เธอก็คิดเช่นนั้น)

 (การมีชีวิตนั้น นับเป็นเรื่องดี)

 

 

 

The End.

Posted in Gallery

[WWW] I’ll be Home for Christmas

Kia's jinniy house

www6.jpg

เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของ #WWWxmas2016 คอมมู World Wizarding War

ตัวละคร :

88hiniaklpZinn Sk88  & Reitiz Alefray  (หน้าข้อมูลรวม จิ้มลิ้ง)

ขออภัยล่วงหน้าสำหรับคุณภาพภาพคะ ถ่ายจากมือถือเอาหมดเลย (เครื่องสแกนเจ๊ง Y w Y ) ลายมือก็เช่นกัน ไม่อยากพิมพ์ทับ อิอิ

แอบมาบอกเพราะไม่ได้เขียนลงไป ว่าเรสกับ 88 กลับไปเยี่ยมบ้าน(ของ88)ที่เวลส์ค่ะ ตั้งแต่เรียนจบสเกตตี้ก็ลากเรสคุงกลับบ้านตัวเองตลอดเลย …ส่วนบ้านเก่าของเรสเป็นยังไง เป็นความลับ ถามจากเจ้าตัวเอาเองนะ!

ของแถม

โดโรธี ดรีแอด ในอนาคตจะย้ายไปทำงานที่เยอรมนีแทนค่ะ ไปอยู่ในอีกเรื่องของเรากับนุ้งซาที่วาดไว้ตั้งแต่ช่วง2012-2013 น้านนานฮือ ตอนนี้ยังสาวๆ อยู่ชงกาแฟให้เรสไปก่อน 555555

557823_500532829986034_1013791444_n

ในรูปเป็นหน่วยมือปราบมารของมิวนิคในโลกโรลเพลย์ของเรากับนุ้งซาค่ะ (มีอาชญากรโผล่มาแว่บๆ 1 หน่วย อิอิ)

ไรทิส อัลเฟรย์ ตั้งแต่ช่วง EH เราจะวาดออกมามุ้งมิ้งๆ แต่แฝงรังสีเมะมาตลอดเลย (เป็นความจงใจและฟิลเตอร์แฟนเกิร์ลของเราที่มีต่อนุ้งซา อิอิ) จริงๆ แล้วเรสนี่ขาโหดเลยนะ ใจดีเพราะ 88 อยู่ด้วยหรอก

ส่วนสาเหตุที่แต่งดำ (88 นึกว่าเพราะเลอะเลือด /ไปงานศพบ่อย) จริงๆ คือเพราะมันเซ็กซี่ดีต่างหาก…

ซิน สเกตตี้เอท ตั้งแต่เมื่อก่อนเราวาดอีตานี่ให้ลุคเด็กเลวหนีเรียนมาตลอด (แต่มันอยู่เรเวนคลอ) ได้เข้าบ้านนักปราชญ์เพราะตอนเด็กๆ เป็นเนิร์ดหัวเห็ด โตมาสันดานเปลี่ยนไม่มากก็น้อย

เรียนจบแล้วทำงานบริการก็แต่งตัว Formal ขึ้นหน่อย จริงๆ แล้วชอบใส่เสื้อยืดสีดำ

293359_256905037682149_1586703707_n-1

นี่รูปสมัยยังเรียนอยู่ (ตั้งแต่ปี 2012 มั้ง…) 88จะแต่งชุดหนากว่าตลอดเลย

ขอให้มีคริสต์มาสที่ดีนะคะ

เลิฟยอล

View original post